มหายันต์ปาฏิหาริย์แห่งโลก มนุษย์ เทพ และจักรวาล (ตอนที่ ๒)

![]() |
![]() |
เรื่องสนามแม่เหล็กที่อีตาปาปิลุสนำมาขยายความในคอลัมน์ศาสตร์ปาฏิหาริย์ข้างๆ ลุงกุสนี้ในสมัยก่อนที่ยังไม่พบแม่เหล็กและวิธีใช้ซึ่งจากประวัติที่มีพบว่า จีนพบก่อนชาติแรกไม่เห็นจะไปเกี่ยวกับชาวภารตะที่เป็นต้นเรื่องศรีจักราตรงไหน หากเราคิดคงแค่นี้ก็คงไม่มีเรื่องมาฝอยต่อแต่ลุงกุสนั้นอยู่ไม่สุขค้นไปค้นมาจนพบว่า ชาวอินเดียหรือภารตะโบราณนั้นยังรับอารยะธรรมจากแอตแลนติส และอาณาจักรไมโนอันที่รุ่งเรืองวิทยาการแบบวิทยาศาสตร์และฮอทสุดๆผ่านมาทางชาวกรีก ที่ไปมาหาสู่กันและขอเฉลยต่อเลยว่าที่เรียกว่า “ชมพูทวีป” ที่หมายเอาว่ามีสัญฐานเหมือนต้นหว้านั้นไม่ผิดหรอกเพราะเมื่อหลายหมื่นปี (อาจถึงแสนปี)ก่อนนั้น “อินเดียเป็นเกาะขนาดใหญ่” ที่เพิ่งเคลื่อนตัวมาบรรจบกับทวีปเอเชียเมื่อไม่นานมานี้เอง(แต่ก็คงหลายหมื่นปีแหละ) ใครอยากพิสูจน์ความรู้นี้ให้ไปที่ “กรมทรัพยากรธรณี” ที่เป็นหน่วยงานราชการอยู่ที่กรุงเทพฯแถวถนนพระราม ๖ ตรงข้ามโรงพยาบาลรามาธิบดี จุดแสดงพิพิธภัณฑ์หินแร่เขาจัดแสดงการเลื่อนตัวของแผ่นดินในยุคเวลาต่างๆเอาไว้ให้ดูอยากพิสูจน์ก็ไปดูเอาเอง (ไม่เสียค่าเข้าชม)เดี๋ยวจะหาว่าลุงกุส(เจ้าเก่า)ไม่บอก

โดยที่หลักไกรลาสหรือเสาหลักกาลเวลานี้ จะเป็นเหมือนหลักการที่ใช้ในการเปิดมิติเร้นลับของจักรวาลได้ในทุกสิ่ง พบว่าวิชาพราหมณ์บางแขนงก็ยังมีการกล่าวถึงกระดูกสันหลังเป็นเสา พระสุเมรุหรือแกนไกรลาส และบางทีก็ยังพบว่า เรียกกลุ่มประสาทบางกลุ่มในสมองที่มีรูปทรงเหมือนปิรามิด(Pyramidal) ว่าไกรลาส