จักรวาลเล่มแรกของโลกที่เขียนโดยคนไทยคือเรื่อง "ไตรภูมิพระร่วง" ที่กล่าวถึงเรื่องตำนานเรื่องพระจักรพรรดิไว้จนเป็นคติความเชื่อที่กษัตริย์โบราณในสุวรรณภูมิ ทั้งหลายต่างใฝ่ฝันจนต้องแสดงพระบรมเดชานุภาพขยายอาณาจักรของตนออกไปแม้พระเจ้าบุเรงนองที่ได้รับสมัญญาว่า "ตะละพะเนียะทอเจาะหรือผู้ชนะสิบทิศ" ก็เป็นสมัญญานามที่มาจากคติในตำนานพระเจ้าจักรพรรดินี่เองครับ
โป่งขาม ตอนที่ 3
หากมีผู้ถามว่า
ก็แก้วโป่งข่ามนั้นเป็นควอตซ์ หรือคริสตอลเหมือนที่พบในจีนและบราซิล
ที่ปัจจุบันมีร้านอัญมณีในกรุงเทพฯหรือตามเมืองใหญ่สั่งเข้ามามากมาย
นั้นมีความแตกต่างกันอย่างไร
เรื่องนี้ต้องตอบยืดยาวหลายประเด็นครับเพราะอัญมณีประเภทควอตซ์
หรือคริสตอลที่สั่งนำเข้าจากเมืองนอกนั้นมีทั้งส่วน
ที่ได้จากธรรมชาติแท้และเกิดจากการนำเศษคริสตอลมาอัดด้วยกรรม
วิธีทางวิทยาศาสตร์ทำให้ได้แก้วอัดซึ่งมีราคาไม่สูงมากนัก
ถ้าจะว่าความสวยงามอย่างผิวเผินอาจคล้ายกันแต่ถ้าท่านเห็น
โป่งข่ามแท้ๆแล้วจะรู้ว่าต่างกันมากทั้งน้ำแก้วที่ปรากฏ
ออกมาที่ระยิบระยับหรือแวววาว ส่วนคุณสมบัติด้านจิตศาสตร์
ที่เป็นอำนาจลี้ลับนั้นก็ไม่ต้องพูดถึงเพราะแก้วที่ดอยขุมแก้ว
อันเป็นที่กำเนิดโป่งข่ามนั้นเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์ มีตำนานว่ามีเทพเจ้า
ผู้ทรงมเหศักดิ์มีความศักดิ์สิทธิ์เป็นผู้รักษา
ดอยขุมแก้วแห่งนี้ซึ่งทำให้อานุภาพของแก้วหรือแร่
ควอตซ์ที่นี่จึงมีความลี้ลับศักดิ์สิทธิ์ที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์แตกต่างจาก
ที่อื่นๆชนิดที่เรียกว่า หัวแก้วโป่งข่ามที่ยังไม่เจียระไนหรือเมื่อ
ขึ้นรูปเป็นเรือนแหวนสวยงามแล้วก็มีความศักดิ์สิทธิ์ในตัวเอง
อย่างเด่นชัดโดยไม่ต้องอธิษฐานจิตปลุกเสกจากผู้ทรงจิตตานุภาพ
แต่อย่างใดเรื่องนี้เรียกว่าพิสูจน์ได้ด้วยตัวท่านเองเพียงแต่
ขอให้มีแก้วโป่งข่ามที่แท้ๆ เท่านั้น ก็สามารถให้ผู้ทรงสมาธิ
ตรวจระดับพลังงานความศักดิ์สิทธิ์ที่มีในแก้วโป่งข่ามนี้ได้ซึ่งก็เป็น
ที่ยอมรับว่ามีความสูงส่งไม่แพ้พระเครื่องที่ค่านิยมเรือนแสนเลยทีเดียว
และหลายท่านอาจไม่ทราบว่าพระแก้วที่พบในที่ต่างๆ
นั้นไม่ใช่การเล่นแร่แปรธาตุจนได้แก้วที่เรียกว่า
"แก้วน้ำประสาน"
ซึ่งเป็นวิธีทำแก้วสังเคราะห์แบบโบราณตามที่เข้าใจกันโดยทั่วไป
แต่ใช้การแกะสลักจากหินแก้วโป่งข่ามที่เป็นแก้วศักดิ์สิทธิ์จาก
ธรรมชาตินี่ละครับที่บรรพชนท่านค้นพบและนำมา
สร้างเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ให้ชาวพุทธได้สักการะเเละ
เป็นการเสริมศรัทธาในพระศาสนาเพราะความศักดิ์สิทธิ์
ของมเหศักดิ์เทวราชที่คุ้มครองรักษาแก้ววิเศษนี้เอง
หลายท่านที่ชอบศึกษาเรื่องราวทางเวทมนตร์หรือเรื่องลี้ลับก็คงเคย
ได้ยินเรื่อง แก้ววิเศษหรือที่เรียกว่า "มณีรัตนะ"
ที่ปรากฏในตำนานชาวพุทธโบราณที่อาจเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า
"แก้วจักรพรรดิ์" ที่ทรง พลานุภาพควรคู่ผู้มีบุญญาธิการ
ซึ่งหากถามว่า แก้วมณีรัตนะนั้นเป็นอย่างไรก็
คงตอบได้ว่าคือแก้วชนิดหนึ่งที่ปรากฏบน
พื้นพิภพที่มีอานุภาพในตัวเองอย่างที่เรากำลัง
พูดถึงเรื่องแก้วโป่งข่ามนี่ยังไงครับ
เพื่อเป็นข้อพิสูจน์ว่าที่นำมาบอกเล่าสอดคล้องกับตำนานแก้วมณีรัตนะ
จะขอยกเรื่องแก้วจักรพรรดิหรือมณีรัตนะที่ปรากฏในตำนาน
จักรวาลเล่มแรกของโลกที่เขียนโดยคนไทยคือเรื่อง "ไตรภูมิพระร่วง" ที่กล่าวถึงเรื่องตำนานเรื่องพระจักรพรรดิไว้จนเป็นคติความเชื่อที่กษัตริย์โบราณในสุวรรณภูมิ ทั้งหลายต่างใฝ่ฝันจนต้องแสดงพระบรมเดชานุภาพขยายอาณาจักรของตนออกไปแม้พระเจ้าบุเรงนองที่ได้รับสมัญญาว่า "ตะละพะเนียะทอเจาะหรือผู้ชนะสิบทิศ" ก็เป็นสมัญญานามที่มาจากคติในตำนานพระเจ้าจักรพรรดินี่เองครับ
จักรวาลเล่มแรกของโลกที่เขียนโดยคนไทยคือเรื่อง "ไตรภูมิพระร่วง" ที่กล่าวถึงเรื่องตำนานเรื่องพระจักรพรรดิไว้จนเป็นคติความเชื่อที่กษัตริย์โบราณในสุวรรณภูมิ ทั้งหลายต่างใฝ่ฝันจนต้องแสดงพระบรมเดชานุภาพขยายอาณาจักรของตนออกไปแม้พระเจ้าบุเรงนองที่ได้รับสมัญญาว่า "ตะละพะเนียะทอเจาะหรือผู้ชนะสิบทิศ" ก็เป็นสมัญญานามที่มาจากคติในตำนานพระเจ้าจักรพรรดินี่เองครับ