โป่งข่าม ตอนที่ 2

แก้วกายสิทธิ์แห่งลานนา
    ลักษณะของวาวแก้วแพรวพรายหรือ "มิงๆ ม็อง ๆ" มักจะมีอยู่ในแบบลาย คือแบบลาย ปวกน้ำ ลายชนิดนี้มีกำเนิดขึ้นในเนื้อแก้วแบบฟองอากาศในน้ำ เกิดโพรงก๊าซขึ้นภายในเนื้อแก้วในระยะกำเนิดก่อตัวของแก้วที่ต้องใช้เวลานับหมื่นปี อาจจะดูตัวอย่างเปรียบเทียบง่าย ๆ โดยเป่าลมลงในหลอดดูดน้ำแข็งเปล่าในแก้ว เรียกลักษณะลายปวกน้ำนี้ว่า "ใสมิง ๆ ม็อง ๆ" เป็นต้น

   การที่เราจะวางลักษณะเพื่อที่จะพิจารณาคุณค่าแต่ละเม็ด ของแก้วได้นั้นอาจจะวางลักษณะเพื่อที่จะใช้ประกอบการพิจารณาคุณค่าได้ดังนี้
     ๑. ส่วนบน ต้องดูให้ดีว่าน้ำแก้วดีแค่ไหนใสหรือไม่อย่างไร
     ๒. ส่วนกลาง ลายแก้วเป็นอย่างไรมีสลักชนิดไหน หรือมีเส้นขนอย่างไรเหมาะสมกับลักษณะของผู้ที่จะนำไปใช้หรือไม่
     ๓. ส่วนพื้น ต้องดูที่ส่วนประกอบของพื้นหรือก้นแก้วลักษณะของปวกทรายหรือเม็ดทราย ที่ประกอบอยู่ที่ก้นแก้ว

         ความศักดิ์สิทธิ์ของแร่ ควอตซ์ซึ่งพบที่อำเภอเถิน จังหวัดลำปางที่มีลักษณะทางกายภาพเฉพาะตัวแตกต่างจากที่พบตามสถานที่อื่นๆ ที่เรียกหาโดยทั่วไปว่า "โป่งข่าม" นั้นปรากฏเรื่องราวเล่าสืบต่อกันมาอย่างยาวนานนับแต่โบราณกาลจนปัจจุบันอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าในปัจจุบันความนิยมใช้แก้วโป่งข่ามเป็นเครื่องประดับจะยังไม่สูงเท่าในอดีตเมื่อ ๒๐ ปีที่ผ่านมาก็ตาม แต่ก็ยังเป็นที่สนใจเก็บสะสมและเเสวงหาของผู้สนใจบางกลุ่มอย่างต่อเนื่องทั้งนี้ด้วยเหตุที่ว่า ประสบการณ์หรือความศักดิ์สิทธิ์ของโป่งข่าม นั่นเอง ผู้ที่พบกับอำนาจลี้ลับต่างซุ่มเงียบคอยแสวงหาเก็บแก้วโป่งข่าม รูปแบบต่างๆไว้เป็นทรัพย์สมบัติส่วนตัวและหวังให้เป็นมรดกกับลูกหลานที่อาจจะไม่ได้เห็นความงดงาม และประสบความศักดิ์สิทธิ์ของอัญมณีศักดิ์สิทธิ์สมบัติจากแม่พระธรณีชนิดนี้ด้วยเหตุผลที่ว่าหากพวกเขา เหล่านั้นไม่รีบแสวงหาเป็นเจ้าของเสียแต่ในตอนนี้ก็คงจะสามารถหามาครอบครองได้ยากยิ่งขึ้นเรื่อยๆหลายคน ที่เก็บสะสมต่างพูดว่าเสียดายที่เมื่อก่อนนั้นพวกเขายังไม่รู้สรรพคุณของแก้วโป่งข่ามที่ทรงความศักดิ์สิทธิ์ดีพอ จึงทำให้พลาดโอกาสเก็บแก้วโป่งข่ามลวดลายพิเศษบางชื่อที่มีคุณสมบัติสวยทั้งรูปและเรืองอานุภาพด้วยอำนาจ ลี้ลับจากขุมทรัพย์แม่พระธรณีแห่งนี้ซึ่งในปัจจุบันหายากแทบพลิกแผ่นดินทีเดียวแม้จะมีเงินสักเพียงใดก็ไม่อาจ แสวงหาเเก้วโป่งข่ามที่มีลวดลายครบถ้วนได้ตามตำราทุกแบบ และหากไม่รีบสะสมหรือแสวงหาแต่ตอนนี้ ก็เป็นไปได้อย่างแน่นอนว่า สักวันหนึ่งคงได้ยินชื่อโป่งข่ามแต่เพียงชื่อเท่านั้น