ทายหมายเลข บัตรประชาชน



ตัวเอย่าง  3-1559-822-766-91 ——-à 3+1+5+5+9+8+2+2+7+6+6+9+1 =  64 à 6+4 = 10 ->1+0=1 เลขประจำตัวของบัตรใบนี้คือเลข 1
ผลการทำนายตามเลขประจำตัว
เลข 1 เป็น คนที่มีลักษณะของความเป็นผู้นำ ชอบเอาชนะ มีความเชื่อมั่นในตัวเองสูง ประสบความสำเร็จในชีวิตอย่างที่ตั้งใจ แต่ที่ต้องระวังคือความเด่นที่มากเกินไปมักนำภัยมาสู่ตัวเองได้ เป็นคนที่เหมือนมีคนมารายล้อมมากมายแต่ในใจรู้สึกโดดเดี่ยว ขาดคนที่เข้าใจอย่างแท้จริง ใจร้อน หุนหันพลันแล่นตรงนี้ทำให้ตัดสินใจพลาดได้
ความรัก มีเสน่ห์ต่อเพศตรงข้าม ด้วยจุดเด่นที่ไม่เหมือนใคร เสียตรงอาจพูดมากไปหน่อย คือชอบแสดงออกแบบเรียกร้องความสนใจทั้งที่จริงๆแล้วอยู่เฉยๆความน่าสนใจ มากกว่าเป็นไหนๆ  ชอบความรักแบบสดชื่น
การงาน เหมาะกับงานด้าน การติดต่อสื่อสาร สาระสนเทศน์ นักวางแผน  ประชาสัมพันธ์ งานขาย งานด้านการติดต่อประสานงาน สื่อสารมวลชน นักการเมือง ผู้บริหาร
สุขภาพ ที่ควรระวัง  สายตา ระบบหมุนเวียนโลหิต โรคหัวใจ ต่อมไทรอยด์
เลข 2 คุณ เป็นคนอารมณ์อ่อนไหว มีสัมผัสที่หกเด่นชัด อารมณ์แปรปรวนได้ง่าย เป็นคนที่ชอบใช้ความรู้สึกตัดสินมากกว่าเหตุผล ประนีประนอมเก่ง เข้าใจคน เป็นผู้มีปัญญาดี ฉลาด เรียนรู้สิ่งต่างๆได้ไว มีพรสวรรค์ มักเป็นผู้มีเสน่ห์ต่อเพศตรงข้ามด้วยแรงดึงดูดบางอย่างคงเพราะเสน่ห์ที่ติด ตัวมา เป็นคนเข้ากับคนรอบข้างได้ไม่ยากหากคุณอยากทำ แต่คุณมัก…เลือกที่จะคบคน ด้วยเพราะเซนส์บางอบ่างที่คุณมักเดาใจคนรอบข้างได้บางครั้งสิ่งนี้ทำให้คุณ ระมัดระวังตัวในสังคม แต่ก็ไม่วายจะถูกทำร้ายจิตใจได้ง่ายๆจากความใจอ่อนอันเนื่องมาจากอารมณ์ที่ อ่อนไหวง่ายนั่นเอง ตรงนี้…จึงทำให้ใครที่จะมาสนิทกับคุณจริงๆยากอยู่สักหน่อย คุณเป็นคนมีจินตนาการเป็นเลิศ ทำงานด้านศิลปะจะไปได้สวย เป็นคนพูดจาไพเราะและรู้จักพูด โน้มน้าวคนได้เก่ง
ความรัก มักมีความรักหลายครั้ง ด้วยเพราะอารมณ์ที่อ่อนไหว ความเผลอไผลได้โดยง่าย รวมถึงเสน่ห์ที่ติดกาย รวมถึงความอ่อนโยน ใจดี ทำให้คุณมักเป็นที่รักของผู้อื่น น่าจะเป็นเรื่องดีแต่บางทีกลับกลายเป็นเรื่องปวดหัวอย่างช่วยไม่ได้ ความหนักแน่นจึงจำเป็นมากสำหรับคุณ
การงาน งานด้านใช้ความคิดสร้างสรรค์ จินตนาการดูจะเหมาะกับคุณทีเดียว งานด้านความสวยงาม งานเขียน งานด้านสื่อสารมวลชน นักแสดง สังคมสงเคราะห์ โหราศาสตร์

เลข 3 คุณ เป็นคนมี energy สูงมาก อารมณ์ค่อนข้างรุนแรง ฉับไว โกรธง่ายหายเร็ว  การตัดสินใจเด็ดขาด ว่องไว เอาแต่ใจตัวเองมีความเชื่อมั่นสูงจนบางครั้งหลงลืมเอาความคิดของตนเป็นใหญ่ มากจนเกินไป หุนหันพลันแล่น เป็นคนที่มักสร้างพลังแห่งการต่อสู้ให้กับคนรอบข้างได้ไม่ยาก ปลุกระดมเก่ง มีชั้นเชิงของการต่อสู้ ไม่ค่อยยอมคน ไม่ท้อถอยกับอะไรง่ายๆ ชอบบงการ ควบคุม ประมาณว่าบู๊ไว้ก่อนเสมอเลยค่ะ
ความรัก เป็นคนมีความรักง่ายแต่รักษาไว้ไม่ ง่ายนัก ด้วยนิสัยไม่ยอมคนและมีวาจาที่มักทำร้ายคนใกล้ตัวได้ง่ายๆ จึงทำให้ขาดเสน่ห์โดยไม่รู้ตัว ขาดเหตุผล และอารมณ์เสียง่ายจึงชวนทะเลาะเสมอ แต่บางครั้งก็สร้างความประหลาดใจด้วยการสร้างความประทับใจที่สุดซึ้งทำให้ ได้รับความรักกลับมาได้โดยพลัน
การงาน อาชีพที่เหมาะสม ตำรวจ ทหาร วิศวกร ผู้ควบคุมระบบในด้านความปลอดภัย นักกีฬา
สุขภาพ ระมัดระวังโรคเกี่ยวกับกระดูก ไขข้อ กล้ามเนื้อ เส้นเอ็น ความดันโลหิต โรคตับ อุบัติเหตุ
เลข 4 คุณ เป็นคนลักษณะมีความโดดเด่นอยู่ ในตัวเอง มีพรสวรรค์ ฉลาดไหวพริบดี พลิกแพลงเก่ง ใครจะมาหลอกคุณอย่าหวังซะให้ยากเลย คุณเป็นนักเล่น แร่ แปร ธาตุ ตัวยงเชียวแหละ อะไรที่คนอื่นมองว่าไม่มีค่า คุณสามารถทำให้เป็นเงินเป็นทองได้ไม่ยาก อาจจะติดช่างพูด ขี้โม้ไปนิด แต่ก็เป็นลักษณะพิเศษของนักขาย นักสร้างภาพมือฉมัง เข้ากับคนได้ง่าย  เป็นคนได้ดีไกลบ้าน หรือไม่ก็มีชีวิตที่ไม่ติดบ้านสักเท่าไหร่เลย ในวัยเด็กมีแนวโน้มพลัดพรากจากสิ่งที่รัก มีความพยายามสูงหากอยากทำสิ่งใดให้สำเร็จ มีปากเป็นเอก  โน้มน้าวคนเก่งมาก เป็นนักวางแผนชั้นดี มีความสามารถในธุรกิจเกร็งกำไร
ความรัก มีเสน่ห์ที่คารม มองเหมือนเป็นคนเจ้าชู้แต่จริงๆแล้วเป็นคนเลือกมาก ขี้เบื่อ จึงชอบคนที่เข้ากับคุณได้จริงๆ คุณชอบคนมีเหตุผล ฉลาด อ่อนโยน มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง
การงาน เหมาะกับงานด้าน การติดต่อสื่อสาร สาระสนเทศน์ นักวางแผน ที่ปรึกษา ประชาสัมพันธ์ งานขาย งานด้านการติดต่อประสานงาน วิเคราะห์โครงการ แพทย์ เภสัช นักวิทยาศาสตร์ นักโหราศาสตร์
สุขภาพ ที่ควรระวัง โรคเกี่ยวกับสมอง สายตา ระบบหมุนเวียนโลหิต โรคหัวใจ
เลข 5 ลักษณะ ของคุณเป็นคนที่มีความน่า เชื่อถือ เลื่อมใส ศรัทธา มักเป็นที่ปรึกษาให้กับคนรอบข้างเสมอ ชีวิตของคุณมักขึ้นๆ ลงๆ เป็นคนเรียบง่าย ในการใช้ชีวิต แต่เลือกอย่างพินิจพิจารณาหากว่าต้องเลือกอะไรสักอย่าง เป็นผู้มีภูมิความรู้ ดูเป็นผู้ใหญ่  ใจกว้าง  มักชอบช่วยเหลือผู้อื่น มีความรับผิดชอบสูงแต่ติดเรื่อยเฉื่อยเกินไปหน่อย  เป็นนักวางแผนที่ดี ดูแลและเข้าใจคนได้อย่างดี ชอบชีวิตที่เรียบง่าย เลือกที่จะอยู่กับธรรมชาติมากกว่าสถานที่ๆสับสนอลหม่าน
ความรัก มักแต่งงานงานช้า เพราะมัวแต่พิจารณาแล้ว พิจารณาอีก ขาดความโรแมนติก ยึดมั่นขนบธรรมเนียมประเพณี ไม่ชอบความรักแบบโลดโผน คุณมักคิดว่าหากใช่ก็ใช่ ถ้าไม่ใช่ก็ไม่ใช่
การงาน เหมาะกับงานประเภท ครู อาจารย์ นักสังคมสงเคราะห์ นักการเมือง นักปกครอง นักวิเคราะห์ โบราณคดี
สุขภาพ ระมัดระวังโรคเกี่ยวกับสมองประเภท ลมชัก ความดันต่ำ ระบบหมุนเวียนโลหิต ไขมันในเส้นเลือดสูง โรคทางเหน็บชา

เลข 6 คุณ เป็นคนที่ชอบความเพียบพร้อม ชอบสบาย รักสวยรักงาม มีระเบียบแบบแผน มีอุดมคติสูง เป็นคนที่มีความอบอุ่น อ่อนโยน มีเมตตา  ใจกว้าง ชอบช่วยเหลือผู้อื่น แต่ติดจะจู้จี้จุกจิก ทุกอย่างต้องเนี๊ยบ รักความสะอาดมากๆ เป็นนักวางแผนที่ดี มีความสามารถในด้านโน้มน้าว จัดระเบียบสังคมเก่ง ละเอียดรอบคอบ เป็นผู้มีจินตนาการและเหตุผลที่พอเหมาะพอควร แต่ความคาดหวังต่อคนรอบข้างหรือสิ่งที่ลงมือทำมักสูงมาก
ความรัก โชคดีในเรื่องของความรัก เป็นผู้มีเสน่ห์ต่อเพศตรงข้าม  มีคู่ที่พึ่งพาได้ ความรักเป็นสิ่งสวยงามสำหรับคุณเสมอ แม้มีปัญหาแต่ด้วยความเป็นคนประนีประนอมสูงจึงผ่านไปได้อย่างไม่ยากเลย  มีความรักที่มั่นคงยาวนาน
การงาน เหมาะกับงานด้านสาธารณสุข งานด้านปกครอง  แพทย์ พยาบาล นักสังคมสงเคราะห์ นักวางแผน ด้านแฟชัน ความสวยความงาม เกษตรกรรม
สุขภาพ ระมัดระวังโรคความดันโลหิต ไขมันในเส้นเลือดสูง โรคทางระบบช่องท้อง โรคไต ต่อมไทรอยด์ เบาหวาน
เลข 7 ชีวิต ที่มักถูกขีดให้อยู่ในสภาวะที่ไม่ สามารถเลือกเองได้นัก ช่วงชีวิตหนึ่งมักถูกผูกติดกับภาระอย่างใดอย่างหนึ่ง จนไม่สามารถที่จะเลือกได้อย่างใจ คุณเป็นคนค่อนข้างยึดติด มีความหัวโบราณอยู่บ้าง โลกส่วนตัวสูง มีความคิดเป็นของตัวเอง ฉลาดรอบรู้ แต่มักทำเหมือนกับว่าเฉยๆ ไม่ค่อยสนใจการเปลี่ยนแปลงไปของผู้คนมากนัก เป็นคนที่มีอุดมการณ์มักถูกเอาเปรียบเพราะความเฉยและไม่ค่อยอยากมีปัญหากับ ใคร แต่หากถูกต้อนให้จนมุมเมื่อไหร่ คนประเภทนี้สู้หัวจนฝาได้อย่างน่ากลัวเลยทีเดียว
ตวามรัก มักไม่ค่อยสมหวังในรัก ความรักดูเป็นเรื่องยากและมีอุปสรรคมากมายจนบางทีคุณเลือกที่จะอยู่คนเดียว มากกว่าที่จะหาห่วงมาผูกคอ หากมีความรักก็มักเป็นความรักต่างวัย รักครั้งที่สอง จริงๆแล้วคุณควรลองที่จะเปิดใจและทำชีวิตให้สดใสขึ้นบ้างคงจะดีไม่น้อยนะคะ
การงาน งานที่เหมาะกับคุณควรเป็นงานด้านการวิจัย การทำโครงการต่างๆ ครู อาจารย์ ผู้มีหน้าที่ถ่ายทอด สังคมสงเคราะห์ เป็นที่ปรึกษา ผู้ประสานงาน
สุขภาพ ระมัดระวังโรคที่เกี่ยวกับสมอง ระบบเนื้อเยื่อในร่างกาย โรคทางพันธุกรรมต่างๆ
เลข 8 ท่าน เป็นคนที่มีชีวิตที่โลดโผน ชีวิตมักต้องพาลพบกับเรื่องแปลกๆ ลุ่มหลงได้ง่าย แต่ก็สามารถชักจูงผู้อื่นได้ง่ายเช่นกัน เวลาดีดีใจหาย เวลาร้ายก็สุดๆ เป็นคนที่ทำบุญขึ้น ทว่าหากทำบาปก็ถูกสนองได้อย่างรวดเร็ว ชีวิตมีเรื่องน่าตื่นเต้นให้ได้คิด ได้แก้ อยู่เนืองๆ  มักเป็นคนที่มีจุดเด่นแสดงออกอย่างเด่นชัด ดวงเลขนี้หากคิดหรือทำอะไรขึ้นมาสักอย่างมักได้รับการตอบรับอย่างไม่น่า เชื่อ
ความรัก มีรักที่มักลุ่มหลง บางครั้งจึงยากที่จะแยกได้ออกว่าแบบไหนคือรักแท้ เป็นดวงที่ควรดูแลด้านสภาพจิตใจให้ดีค่ะ เพราะความไม่คาดฝันที่เกิดขึ้นอาจนำพาซึ่งปัญหามากมายตามมาให้ได้ปวดหัวเจ็บ ทั้งตัวและหัวใจ
การงาน งานที่เหมาะกับคุณมักเป็นงานประเภทที่ต้อง ใช้การหว่านล้อม เช่น นายหน้าการลงทุน ผู้นำศาสนา ตลาดหุ้น งานที่ต้องใช้สมองและการพลิกแพลงอยู่ตลอด ดารานักแสดง
สุขภาพ ควรระมัดระวัง โรคกรรม โรคที่หาสาเหตุไม่พบ โรคที่ต้องได้รับการดูแลเป็นระยะเวลานาน โรคเรื้อรัง โรคทางเพศสัมพันธ์
เลข 9 ท่าน เป็นคนที่มีดวงของสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้ม เมื่อมีเรื่องรุนแรงก็ได้รับความช่วยเหลือจากผู้มีบารมี ชีวิตวัยเด็กมักมีเรื่องยุ่งยากลำบากใจ ต้องต่อสู้ ชีวิตจะได้อะไรที่มุ่งหวังต้องพยายามและอดทน แต่ก็ประสบความสำเร็จในที่สุด คิดทำอะไรมักได้รับความสนใจ ชีวิตมักประสบกับเรื่องร้ายๆก่อนแล้วจะกลายเป็นดีในภายหลัง  เป็นดวงที่มักเสียสละเพื่อผู้อื่นอยู่เสมอ แต่สิ่งนี้จะหนุนนำให้มีชีวิตที่เบิกบาน
ความรัก เป็นคนที่มีความรักดีมาก จนบางครั้งดีเกินไป จึงทุกข์เพราะเกินนี่แหละ ดังนั้นควรคิด พิจารณาให้รอบคอบก่อนตัดสินใจ เลือกคนที่เข้ากับเราได้จริงๆ มีความหนักแน่นอยู่เสมอ เป็นคนมีเสน่ห์อยู่กับตัว
การงาน งานที่เหมาะ เป็นงานประเภทอุทิศตัวเพื่อช่วยเหลือ แพทย์ พยาบาล มูลนิธิต่างๆ นักกายภาพ ดารานักแสดง งานด้านสื่อสารมวลชน
สุขภาพ ควรดูแลร่ายกายและตรวจสุขภาพอยู่เสมอ เพราะโรคที่เป็นมักเป็นโรคที่ค่อยๆก่อตัวจากเล็กจนกลายเป็นเรื่องใหญ่ เช่นพวกเซลล์มะเร็ง โรคอัมพฤกษ์ อัมพาต โรคทางระบบประสาท

ทายดวงประจำปี 2557



คนเกิดวันอาทิตย์  พระประจำวันปางถวายเนตร
ผู้ใดเกิดวันอาทิตย์ ผู้นั้นใจจิตจะพลันมักง่าย ทำการเสมอตัว ดีชั่วใด ๆ ทำคุณแก่ใครเหมือนไฟตกน้ำ จะมีผู้ใหญ่เป็นผู้อุปถัมภ์ เจรจาล้ำเลิศ ไม่มีความผิด น้ำใจซื่อตรง คงสัตย์ต่อมิตร รักง่ายใจจิต ไม่คิดเสียดาย ถ้อยความมาต้อง ถึงสองสามราย ร้ายแล้วกลับกลายเป็นดีภายหลัง เมื่อน้อยไร้ทรัพย์ เมื่อเติบโตกลับมั่งคั่งบริบูรณ์ พร้อมพรั่งมีมาก แต่จากที่อยู่ จิตใจนั้นใหญ่ มักชอบเจ้าชู้ จะมีความรู้ะเป็นที่สำคัญ

๑.  พระอาทิตย์  ทรงพญาราชสีห์เป็นพาหนะ
สิทธิการิยะ ผู้ใดเกิดวันอาทิตย์ ๑ เป็นอัตะ ทายว่าผู้นั้นจะมีวาสนา เมื่อคลอดมีแต่พี่น้องมาประชุมกันมากมาย เป็นคนเจรจาดี จะได้ดีเพราะตัวเอง ๒ เป็นหินะ ทายว่าผู้นั้นได้ข้าวของมักรักแต่ต้นมือ นานไปมักแหนงหน่าย ๓ เป็นธะนัง ทายว่าผู้นั้นเก็บทรัพย์ไว้กับตัวไม่ค่อยอยู่ มักจะมีคนคอยเบียดเบียน ๔ เป็นปิตา ทายว่าพ่อตายก่อนแม่ ๕ เป็นมาตา ทายว่าญาติพี่น้องข้างแม่สูงกว่าข้างพ่อ ๖ เป็นโภคา ทายว่าผู้นั้นมีข้าวของมักให้ผู้อื่น เก็บทรัพย์ไว้มิใคร่จะคงที่ ๗ เป็นมัชฌิมา ทายว่าผู้นั้นมิคค่อยสนใจในเรื่องผู้หญิง ชอบแต่ในการทหารแล

คนเกิดวันอาทิตย์  สิทธิการิยะ ผู้ใดเกิดวัน ๑ คืออาทิตย์ อาทิตย์เป็นบริวาร มีลูกมากเมียหลาย แต่ว่าไปมาเชื่องช้า ๒ จันทร์เป็นอายุ เป็นคนที่เข้ากับพี่น้องมิใคร่ได้ ๓ อังคารเป็นเดช มีเดชังราชสีห์ ๔ พุธเป็นศรีมีทรัพย์ดังมหาเศรษฐี ๗ เสาร์ เป็นมูลละ มีรูปชั่วดำแดงเสมอดังชูชก ๕ พฤหัสบดี เป็นอุตสาหะ มีความรู้ยิ่งกว่าคนทั้งปวง ย่อมเป็นครูคน ๘ ราหูเป็นมนตรี มีลูกเมียข้าไท ย่อมว่าง่ายสอนง่าย ๖ ศุกร์เป็นกาลกิณีร้ายนัก
ผู้ใดเกิดวันอาทิตย์  ทำชอบได้ผิด ดังไฟตกน้ำดับหาย มักง่ายอาภัพจนตาย มีพงษ์วงศ์ร้าย มักให้เสื่อมสูญรัศมี ชื่อต่างเพิ่มพูน ความคิดเสียสูญ มักผิดด้วยเขาหลายครา จะจากที่อยู่สามท่าจึงได้สุขา ธาตุหิน นามครุฑโดยนัย
โชคชะตาของผู้ที่เกิดวันอาทิตย์ ทำนายว่า เป็นดังนี้.
สิทธิการิยะ อันว่านรชนหญิง ชายผู้ใดที่เกิดในวัน อาทิตย์ นับว่าเป็นครุฑสิทธิ์ โดยนาม จงรู้ความตามระบิล เป็นคนธาตุหินจินต์เป็นกุศลยิ่ง คุณคนประวิงใฝ่ที่จะกระทำ แต่ก็เหมือนตักน้ำรดต้นไม้ให้ชุ่มฉ่ำขั่วนิดเดียว เขาก็ปราดเปรียวผละจาก แถมยังฝากคำเย้ยเยาะว่าตนไม่เคยทำคุณให้ แต่ตนทำเป็ไม่สนใจแม้แต่น้อยนิด  ความมัวหมองมาสนิทเมื่อยี่สิบเอ็ด ยากเด็ดคัดตัดทิ้งทุกข์เข้าตีงต่อมี ในยี่สิบห้าโดยกล ยี่สิบปากตนยิ่งระวัง จะพลาดพลั้งผิดได้ ยี่สิบเจ็ดใซร้แสนทุกข์ยากลำบาก ตรากตรำ ทำให้เหน็ดเหนื่อยเมื่อยหล้า จนตราบถึงชรากาล  สุขสำราญยิ่งนัก อันคนลักขณากล่าวนี้ ท่านกล่าชี้บังคับไว้ จงรู้นัยอย่าสูญ ทิศมูลของตนคือ พายัพ งามสรรพพระ ไว้ทิศทักษิณ ปลูกดอกไม้แสนโสภิณในทิศอิสาน บ่อน่ำใช้สารธารให้ไว้ทิศบูรพา ส่วนอาคะเนไว้ยุ้งฉาง บ่าวไพร่เรือนวางไว้ในทิศอุดร ศาสตราวุธรานรอนหนีข้าศึกไว้ทิศหรดี เตาอักคีครัวเอาไว้ทิศปัจจิมจงรู้จัก  เกิดมงคงดูเด่น ยิ่งนักแล.
ทำนายผู้เกิดวันอาทิตย์อีกแบบหนึ่ง
ผู้เกิดวันอาทิตย์ ดวงจิตมักง่าย ทำงานตามสบายหมายการบุญทาน หมายเอื้ิอเจือขาน ทุกคน
ที่ขอเหมือนไฟตกน้ำ บุญกรรมที่สรา้ง ทุกก้าวเหยียบย่าง ดังดับไฟต่อ ผู้ใหญ่เจือจุน อุดหนุนตนต่อ
เกิดงามตามพะนอ พอเหมาะสมตน เมื่อน้อยจนอับ พอใหญ่กลับสมบูรณ์ ข้าทาสมากมูล พร้อมพรั่ง
เคียงตัก จิตใจเติบนัก ความมักมาระคนราวสองสามหน จึงพ้นความหมอง มักจะเจ้าชู้ รอบรู้วิชา
ทั้งมีปัญญา พาเกียรติ์ลำพอง พระปางถวายเนตร พิเศษสมปอง ควรแท้แต่ต้อง ตั้งหิ้งบูชา และจะ
นำพาให้ได้เกิดสุข ท่านเอย.
บทสวดบูชาพระประจำวันอาทิตย์
อุเทตะยัญจักขุมา เอกะราชา หะริสสะวัณโณ ปะฐะวิปปะำภาโส ตังตัง นะมัสสามิ หะรัสสะวัณ
ณัง ปะฐะวิปปะภาสัง ตะยัชชะ คุตตา วิหะเรมุทิวะสัง เย พราหมณา เวทะคุ สัพพะธัมเม เต เม นะ
โม เตจะมัง ปาละยันตุ นะมัตถุ พุทธานัง นะมัตถุ โพธิยา นะโม วิมุตตานัง นะโม วิมุตติยา อิมัง
โส ปะริตตัง กัตตะวา โมโร จะระติ เอสะนา.
ให้สวดวันละ  ๖ จบ จะมีความสุข ความเจริญรุ่งเรือง และมีความสุขสวัสดีตลอดกาล.  ผู้เกิด
วันอาทิตย์ พึงใช้สิ่งที่เป็นมงคลสำหรับเครื่องนุ่งห่ม ประดับบ้านเรือน หรือ เครื่องประดับตัว เป็น
ของที่มีสีแดงจะเป็นสิริมงคล เกิดลาภผลดียิ่งนัก ส่วนสีรองลงมาคือสีม่วง สีเขียวสีเทา สีเมฆหมอก
สีดอกรัก ให้พึงเว้นสีน้ำเงิน ท่านว่าไม่ดีเอย


คนเกิดวันศุกร์ พระประจำวันปางรำพึง
ผู้ใดเกิดวันศุกร์ บ่มีภัยทุกข์ ซื่อสัตย์ทุกประการ เพื่อนฝูงญาติกา มักมาเบียดผลาญ แต่ว่าวงศ์วาน ไม่สู้มีมาก เมื่อน้อยนั้นหนา ทายว่าลำบาก ตกไร้ได้ยาก แทบสิ้นชีวี ต่อแก่ชรา จะเทียมเศรษฐี สมบัติเปรมปรีดิ์ เป็นที่สถาพร จะเป็นกำพร้า บิดาตายก่อน ได้ทุกข์ได้ร้อน สองครั้งมั่นคง ถ้าพ้นแต่นั้น สมบัติยืนยง ครอบครองมั่นคง เป็นสงฆ์จึงดี มักบ่นมักด่า มักว่าจู้จี้ โกรธร้ายเต็มที ได้คิดเราเขา

๖.  พระศุกร์  ทรงอุสุภราช เป็นพาหนะ
ผู้ใดเกิดวันศุกร์ ๖ เป็นอัตตะ ผู้นั้นเมื่อคลอดออกมามีรกพันคอ หรือมิฉะนั้นก็จะตาย หรือตกน้ำอย่างใดอย่างหนึ่ง ถ้าได้หญิงที่เป็นเจ้านายเอาไปเลี้ยงจะได้ดี เป็นคนซื่อตรง และใจบุญเป็นที่พึ่งแก่คนทั้งหลาย มักจะมีตำหนิในที่ต่าง ๆ เป็นหินะ เป็นคนฉลาด รู้หลักนักปราชญ์ ๑ เป็นธะนัง เก็บทรัพย์ไว้กับตัวไม่ค่อยดี มักจะจับจ่ายใช้สอย และมักถูกเพื่อนเบียดเบียน ๒ เป็นปิตา บิดาผู้นั้นมีรูปร่างสูง เมื่อหนุ่มมีทรัพย์มีพี่น้องมาก แม่ตายก่อนพ่อ ๓ เป็นมาตา มารดาเป็นคนผิวเนื้อดำแดง ถันใหญ่ เมื่อสาวมีบุญ เมื่อแก่ตกยากไร้ญาติ ๕ เป็นโภคา ผู้นั้นรู้จักรักษาทรัพย์ เป็นคนตระหนี่ ๕ เป็นมัชฌิมา ผู้นั้นเจรจาเป็นที่ชอบใจแก่ขุนนางท้าวพระยา และสมณชีพราหมณ์ทั้งหลาย

คนเกิดวันศุกร์  ผู้ใดเกิดวัน ๖ คือวันศุกร์ ศุกร์เป็นบริวาร ผู้นั้นมีความสุขมาก มียศมาก ๑ อาทิตย์เป็นอายุ มีอายุยืน ๒ จันทร์เป็นเดชมีเดชมหึมา ๓ อังคารเป็นศรี มีทรัพย์สินเงินทองมาก ๔ พุธเป็นมูลละ มีรูปงาม ๗ เสาร์เป็นอุตสาหะ ทำการใด ๆ ไม่ใคร่จะแล้วมักค้างอยู่ ๕ พฤหัสบดีเป็นมนตรีดีนัก ๘ ราหูเป็นกาลกิณี ร้ายนัก

ผิว์เกิดวันศุกร์ตกต่ำ เมื่อน้อยฟกช้ำ รู้ซื้อรู้ขาย รู้เก็บรู้จ่ายครบครัน มักง่ายมักตายทุกอัน มักทุกข์เนืองอนันต์ พ่อตายก่อนโดยยล ว่าจะต้องยากสองหน จึงจะได้ดี ธาตุลม อัชชะนามชาโต

ทำนายโชคชะตา ผู้ที่เกิดในวัน ศุกร์ ให้ทราบดังนี้.
    สิทธิการิยะ  หญิง ชาย ผู้ใดที่เกิดในวันศุกร์  นั้นหนามีนามว่า มุสิกนามขานธาตุลมเป็นหลักฐานโดยนิยม ใจของคนนั้นบ่มด้วยความทะยานอยาก ปากก็พล้อยไม่น้อยกว่าเขาอื่น สร้างความข่มขื่น ให้คนอื่นที่รับฟัง เพราะความพลั้งปากไม่หยุดยั้ง แม้กระทั้งทรัพย์ของตนนั้น้อยนัก มักจะเกิดการยับย่อยพล่อยเสียใจ เมื่ออายุย่างเข้า  ๑๑ นั้นใซร้ครบหนหนึ่ง อีกตอน ๒๐ ปี สุขชี้
สมควรแท้  แล้ว ๒๕ ปีจะมีมิตรสนิทขวัญ คือคู่ครองปองไว้ที่สมควร คอยรัญจวนปองดองภิรมณ์ไคร่ ตอนอายุ ๖๐ ปีได้ก็จะสุขเปรมปรีดา อันมงคลคุณค่าประจำตัว ท่านว่าไว้อยู่ทางทิศปัจจิม แสนเปรมปรีดาหากแต่ว่าพระปฎิมาคือทิศทักษิณ  อันสระสรงใช้วารินนั้นตั้งสถิตย์ไว้ทิศอิสาน ส่วนอุทยานสวนศรีแสนจะเปรมปรีนั้นอยู่ทางทิศพายัพ  ยุ้งสางเตรียมไว้พร้อมอยู่ทางทิศบูรพา
ส่วนอันศัตราวุธยุธนาให้เอาไว้ทิศอุดร ครัวไฟผันผ่อนให้เอาไว้ทิศหรดี อันข้าทาสบริวารมากมี อีกทั้งม้าและวันควาย ถ้าอยากพ้นอันตรายให้ระบายไว้ทางทิศอาคะเนย์  แล้วจะเป็นเสน่ห์แบบเบื้องโบราณท่านขานไว้ ประดุจเป็นกำแพงแก้วปกป้องอันตรายให้หายขาด จะสุขเสริมเติมวาดม์ให้บันเทิงเริงรมณ์ สุขสมด้วยทรัพย์สินไปจนสิ้นชีวีท่านเอย.
ทำนายผู้เกิดวันศุกร์ อีกแบบหนึ่ง
   ผู้เกิดวันศุกร์ ภัยทุกข์ไม่มี แสนเกษมเปรมปรี ใจดีสัจจา วงศ์วานมีน้อย มาคอยบีฑา ทรัพย์สินนา
นา มุ่งมาผลาญล้วน เมื่อน้อยลำบาก ได้ยากเหลือที่ เกือบสิ้นชีวี ยากหนีภัยปรวน แถมมีทุกข์ร้อน
ซับซ้อนสอบสวน สองครั้งในขบวน คลุำกคละซื่นใจ มักเป็นกำพร้า บิดาตายก่อน เป็นคนปากอ่อน
จู้้จี้เกินใคร ชอบบ่นด่าว่า ท่าทีจู้จี้ โกรธร้ายเหลือที ไม่คิดเรื่องใด เป็นพระสงฆ์มี ศิลศรีเสริมใน คน
ต่างเลื่อมใส ใจบุญสุนทาน เมื่อแก่ชรา เชิดหน้าตาดี เพราะเป็นเศรษฐี มั่งมีทุกสถาน พระปางรำพึง
คิดคะนึงควรการณ์ จงเร่งคิดอ่าน หามาบูชา ท่านเอย.
บทสวดบูชาประจำวันศุกร์
   อัปปะสันเนหิ นาถัสสะ สาสะเน สาธุสัมมะเต อะมะนุสเสหิ จัณเฑหิ สะทา กิพพิสะการิภิ ปะริ
สานัญจะ ตัสสันนะมะหิงสายะ จะคุติยา ยัญเทเสสิ มะหาวีโร ปะริตตันตัมภะณามะเห.
ให้สวดวันละ  ๒๑  จบ จะมีความสุขสวัสดีตลอดกาลนาน.  ผู้เกิดวันศุกร์ พึงใช้เครื่องประดับ
ตัวหรือบ้านเรือนเป็นสีฟ้า หรือ สีน้ำเงินแก่ ส่วนสีรองลงมา คือ สีขาว นวน สีม่วง สีเหลือง สีเมฆ
หมอก สีดอกรัก พึงเว้นสีเทา ท่านเอย.

คนเกิดวันพฤหัสบดี พระประจำวันปางสมาธิ
ผู้ใดเกิดวันพฤหัสบดี อาจารย์บัญญัติว่ารูปงามใจดี แต่ว่าอาภัพ เกิดกับที่นี่ต้องย้ายจากที่ไปอยู่แห่งอื่น เมื่อน้อยไร้ทรัพย์ ใหญ่กลับคงคืน เจรจายั่งยืน คนมักพอใจ ครองทรัพย์คงที่ ไม่มีโภยภัย คนที่อาศัย มักชอบใจตน ทำการใจเย็น ไม่เห็นร้อนรน แต่ทำคุณคน ไม่เป็นประโยชน์ ทำคุณแก่เขา เขากลับให้โทษ ไม่เป็นประโยชน์ จำไว้อย่าคลา มากชู้หลายเมีย ได้เสียไม่ว่ามักได้ทุกขา เพราะเพื่อนฝูงตน ครองศีลครองศักดิ์ เพื่อนฝูงที่รัก พร้อมพรักเป็นสุข

๕.  พระพฤหัสบดี  ทรงมฤคราช เป็นพาหนะ
ผู้ใดเกิดวันพฤหัสบดี ๕ เป็นอัตตะ ผู้นั้นรู้หลักนักปราชญ์ เป็นคนพูดน้อยเจรจาดี ทำราชการจะเป็นที่ชอบใจแก่ขุนนางท้าวพระยา ๖ เป็นหินะ ผู้นั้นรักษาข้าวของดีนัก ๗ เป็นธะนัง ผู้นั้นจะเป็นคนรวยทรัพย์ และมักจะได้ลาภจากขุนนางท้าวพระยา ๑ เป็นปิตา ผู้นั้นรูปร่างสูงใหญ่ โกรธร้าย พ่อตายก่อนแม่ ๒ เป็นมาตา มารดาผู้นั้นเมื่อสาวมีบุญ ญาติพี่น้องมีทรัพย์สมบัติ ๓ เป็นโภคา ผู้นั้นเป็นคนรู้จักเก็บรักษาทรัพย์ แต่ใจมักเป็นนักเลง ๔ เป็นมัชฌิมา เป็นคนเจรจาน้อยแต่ได้ในความดี เจรจาเป็นที่ชอบใจแก่คนทั้งหลาย

คนเกิดวันพฤหัสบดี ผู้ใดเกิดวัน ๕ คือวันพฤหัสบดี พฤหัสบดีเป็นบริวาร ย่อมประกอบด้วยวิชาการงานทุกสิ่งอัน ๘ ราหูเป็นอายุว่าผู้นั้นมีอายุน้อย มักเกิดพยาธิโรคามาก ๖ ศุกร์เป็นเดชมีเดชดี ๑ อาทิตย์เป็นศรี มีทรัพย์ไม่มาก ๒ จันทร์เป็นมูลละ มีลูกเมียมาก แต่มิสู้ยั่งยืน ๓ อังคารเป็นอุตสาหะผู้นั้นมักฉลาด ๔ พุธเป็นมนตรี มีเมียไม่ซื่อตรง ทำตัวมีใจออกห่าง ๗ เสาร์เป็นกาลกิณีร้ายนัก ทำคุณคนมักกลับให้โทษ

ผิว์เกิดวันพฤหัสบดีใจใหญ่เป็นศรี ทายว่าไปใหญ่ที่อื่น จะเป็นครูท่านยั่งยืน มีปรีชารื่น จะเป็นที่พึ่งฝูงชน ว่ามักทำถ้อยความคน มิตรมักทุรชน ทำคุณผลกลับกลาย เมียก่อนบ่ยืนมักตาย หาใหม่สืบสาย ว่าเมียหลังจักดี จะได้ความทุกข์หลายที ต้นปลายมั่งมี มุลิกนาม ธาตุน้ำ

ทำนายโชคชะตา ผู้ที่เกิดวัน พฤหัสบดี ให้ทราบดังนี้.
          สิทธิการิยะ หญิง ชาย ผู้ใดที่เกิดในวัน พฤหัสบดี จงรู้เรื่องชี้มุนีนามขนาน ธาตุน้ำเป็นหลักฐานโดยนัย น้ำใจแสนจะดุดันมีปัญญามากรอบรู้ทั้งมวล โดยควรแท้แก่การยกย่อง แคล้วคล่องในการขีดเชียน ชอบเรียนเป็นยิ่งนัก ปากโวหารดีเหลือหลายจนเป็นที่สบายของสตรีและสมณะ ส่วนลาภละก็จะมาตกสู่เราเนือง ๆ จนเป็นแสนประเทืองในชีวิต แล้วจะมีผิดมาตกต้องตอนอายุได้ ๕๐ โดยประมาณ จะโศกเศร้าแสนสิ่งเป็นยิ่งนัก ต่อจากนั้นก็จะพักอย่างสุขสบาย ทิศมูลของคนนั้นหนาคือ ทิศปัจจิม พระปฎิมาสิ้นนั้นใซร้ให้เอาไว้ในทิศอุดร สระบ่อสำหรับสาครให้เอาไว้ทิศพายัพ สวนบังคับให้เอาไว้ทิศหรดี ยุ้งสางดีแท้นั้นให้เอาไว้ทิศทักษิณ ข้าทาสบริวารยิลให้เอาไว้ทิศอิสาน ส่วนอาวุธผลาญข้าศึกศัตรูให้อยู่ทิศบูรพา ครัวไฟนั้นหนาให้อยู่ทิศ อาคเนย์ทุกข์หันเหไปจากนี้ช่องชี้ดุจประกาย จักสุขสบายสำราญยิ่งนักแลท่าน เอย.
ทำนายผู็เกิดวันพฤหัส อีกแบบหนึ่ง
   ผู้เกิดวันพฤหัส บัญญัติอาจารย์ คนแก่เล่าขาน บอกสถานวางไว้ รูปงามใจดี ย้ายที่เรื่อยไป อาภัพ
เหลือใจ หากได้บ้านเดิม ไปอยู่แห่งอื่น ระรื่นชื่นใจ เมื่อน้อยสิน ใหญ่กลับเพิมพูม เจรจามั่นคง สัตย์
ตรงดั้งเดิม เพราะมุ่งสรางเสริม ส่วนบุญสุนทาน ทำคุณแก่ใคร คนมองไม่เห็น กลับให้ความเข็ญ
ล้อเล่นสามานย์ หาทางกลั่นแกล้ง สำแดงหลักฐาน ในแบบคนพาล เพราะความใจดี เป็นคนไวไฟ
ุถามไุุ่่ถ่หนักหนา ภัยใกล้กายา ยังรนหาที่ ถ้อยความมาต้อง สองสามหนมี เพราะเพื่อนซักชี้ ชวนประ
สบพลัน ถึงวัยกลางคน ลาภล้นเหลือนัก เงินทองพร้อมศักดิ์ ศรีเสริมสุขครัน สุขทุกข์กายา พระประ
จำวัน ปางสมาธิมั่น ควรนำมาบูชา ท่านเอย.
บทสวดบูชาพระประจำวันพฤหัสดี
   อัตุถิ โลเก สีละคุโณ  สัจจัง โสเจยยะนุททะยา เตนะ สัจเจนะ กาหามิ สัจจะกิริยะมะนุตตะรัง
อาวัชชิตะวา สัมมะพะลัง สะริตตะวา ปุพพะเก ชิเน สัจจะพะละมะวัสสายะ สัจจะกิริยะมะกาสาหัง
สันติ ปักขา อะปัตตะนา สันติ ปาทา อะวัญจะนา มาตาปิตา จะ นิกขันตา ชาตะเวทะ ปะฎิกกะมา
สะหะสัจเจ กะเต มัยหัง มะหาปัชชะลิโต สิขี วัชเชสิ โสฬะสะ กะริสานิ อุุทะกัง ปัตตะวา ยะถา สิขิ
สัจเจ นะเม สะโม นัตถิ เอสาเม สัจจะปาระมีติ.
ให้สวดวันละ ๑๙ จบ จะทำให้้มีความสุข ความเจริญรุ่งเรืองยิ่ง ๆขึ้นไป.  ผู้เกิดวันพฤหัสบดี
พึงใช้เครื่องประดับและบ้านเรือนเป็นสีเหลือง หรือ สีโพล ส่วนสีรองลงมา คือ สีน้ำเงิน สีแดง สี
เชียว สีกรมท่า สีน้ำเงินแก่ พึงเว้นสีดำ ท่านเอย.

 
 


คนเกิดวันพุธ  พระประจำวันปางอุ้มบาตร
ผู้ใดเกิดวันพุธ ใจดีที่สุด ทั้งหญิงทั้งชาย แต่ไร้วงศา ญาติกาทั้งหลาย ใจพลันมักง่าย ไม่คิดหน้าหลัง มักเอาที่อื่นเป็นที่พึ่งพา ทรัพย์สินนานา ทำใส่ตัวเอง ถ้าเป็นสมณะ คนระยำเกรง คฤหัสถ์โฉงเฉง โก้งเก้งฉกลัก ใจชอบนักเลง ผู้หญิงมักรัก พบเพื่อนต่ำศักดิ์ มักจะได้ร้อนรน ตกยากหลายครั้งได้ดีหลายหน พ่อแม่แห่งตนมิได้ปฏิบัติ

๔.  พระพุธ  ทรงคชสาร เป็นพาหนะ
ผู้ใดเกิดวันพุธ ๔ เป็นปัตตะ ผู้นั้นเป็นคนมีใบหน้าใหญ่ ผมบาง ทำคุณคนไม่ขึ้น ดีแต่ต่อหน้า เจรจาเป็นที่ชอบใจแก่คนทั้งหลาย ทำราชการต่อไปภายหน้าจะดี ๕ เป็นหินะ ผู้นั้นต่อไปภายหน้าจะมีทรัพย์สินเงินทองมาก ๖ เป็นธะนัง ผู้นั้นรู้จักออมทรัพย์ มักได้ลาภจากขุนนางท้าวพระยา ๗ เป็นปิตา บิดาผู้นั้นผมหยักศก หน้ามน เป็นที่เอ็นดูแก่ขุนนางท้าวพระยา ทำราชการจะได้ดี ๑ เป็นมาตา มารดาผู้นั้นเป็นคนสันทัด เจรจารู้หลักนักปราชญ์ ตัวเองมักอาภัพ แม่ตายก่อนพ่อ ๒ เป็นโภคา ผู้นั้นมิสู้จะรักทรัพย์เท่าใดนัก ๓ เป็นมัชฌิมา ผู้นั้นไปในที่แห่งใดก็ดี จะมีคนยินดีต้อนรับ

คนเกิดวันพุธ ผู้ใดเกิดวัน ๔ คือวันพุธ พุธเป็นบริวาร มีเมียย่อมเอาทรัพย์มาสู่ตน ๗ เสาร์เป็นอายุ มีอายุน้อย มักเป็นพยาธิ ๕ พฤหัสบดีเป็นเดช มีเดชดังพระโพธิสัตว์ ๗ ราหูเป็นศรี มีทรัพย์น้อย ๖ เป็นมูลละ มีความเพียรมาก ๑ อาทิตย์เป็นอุตสาหะ ใจร้าย รูปเป็นมัชฌิมา ๒ จันทร์เป็นมนตรี มีลูกเมียข้าไท มักเอาทรัพย์มาสู่เรือน ๓ อังคารเป็นกาลกิณี อาภัพมิตรสหาย ทำคุณคนไม่ขึ้น
ผิว์เกิดวันพุธ ผู้นั้นเจรจา แต่ถ้อยคำพอประมาณ นักเที่ยวพละการ จะเป็นหมอพยาบาล แต่ทำได้ไว้มั่นคง มีญาติเหมือนหนึ่งไร้วงศ์ แม้ถ้าเป็นสงฆ์ จะเลื่องลือปรากฏ แม้เป็นคฤหัสสาโหด เที่ยวเตร่จับจด ทั้งชู้ และเมียมากมี ตกยากห้าคราได้ดี สามครั้งมั่งมี ธาตุเถ้าสุนัขนามชาติ

ทำนายโชคชะตา ผู้ที่เกิดวันพุธ ดังต่อไปนี้.
     สิทธิการิยะ หญิง ชาย ผู้ใดที่เกิดในวัน พุธ คำขานดุจว่า สุนักนามขานธาตุเถ้าเป็นรอบรู้ไว้  พออายุ ๑๓  ใซร้โรคภัยเข้ารุก
รานราวี อีกทั้งมากมีทุกข์เข้ามาถึง พึงเร่งระวังตัวระวังตน มักมีเคาระห์มาระคนมากครั้ง จนเกิดความพลาดพลั้งเป็นถ้อยเป็น
ความ แต่ตนเองพยายามดียิ่งนัก มักรอบรู้วิชาการหลายอย่างหลายสถานเกินหน้าใคร หาให้เพื่อนฝูงจนเกิดจิตริษยา จากบ้านเกิด
ของตนที่อยู่ใหม่ จึงไม่ค่อยงอนง้อต่อผู้อื่น ต้องเข็ดขื่นกับการทำคุณคน เพราะล้วนแล้วแต่ได้ผลสูญเปล่า ไม่มีของให้เขาเราคิด
ว่าเป็นคุณ กลับหมกมุ่นคิดว่า ตนไม่เคยทำดีให้ วาจานั้นใซร้แสนจะอาจหาญ ชอบกล่าวขานก่อนที่จะขบคิด สมบัติมากมาย
เพราะคิดสนิทคน อายุ ๕๘ ปีจะมีไข้จนปางตาย แล้วจึงสบายหายจากโรคโรคา ทิศมูลมั้งของคนนั้นหนาคือ ทิศอุดร ที่ไว้พระ
ปฎิมานั้นหนาคือ ทิศบูรพา สระสำหรับตักสาครนั้นหนาคือ ทิศหรดี สวนศรีสำหรับท่องเที่ยวสำราญนั้นคืออาคเนย์ ยุ้งสางสม
คะเนนั้นคือปัจจิม อาวุธศาสตราลื้มเลือดศัตรูดูแลไว้ทิศทักษิณ บ่าวไพร่วัวควายอำนวยไว้ทิศพาบัพ ส่วนครัวไฟนั้นใซร้เอาไว้
ทิศอิสาน จึงจะสำราญด้วยมงคล  ผ่านพ้นทุกข์ภัยแล.
ทำนายผู้เิกิดวันพุธ
       ผู้เกิดวันพุธ ใจดีสุดแสน เมตตาปราณี การุณเลิศสรรพ์ แต่ไร้ญาติวงศ์ คงเดี่ยวโดดมั่น มุ่งหา
เพื่อนกัน เป็นที่พึ่งพา ใจง่ายไม่คิด ความผิดหน้าหลัง มิควรระวัง ผิดพลั้งเผอพา คบคนต่ำศักดิ์ มัก
ร้อนอุรา เจ้าชู้นักหนา น่าคิดคำนึง หากบวชเป็นพระ คนจะเกรงใจ เป็นคฤหัสถ์นั้นใซร้ นักเลงลุถึง
ตกยากหลายครั้ง ตั้งจิตรำพึง พ่อแม่ยากพึ่ง มิได้สักนิด พระปางอุ้มบาตร อาจคุ้มชีวัน พ้นผิดมหันต์
แจ่มใสชีวิต  ธุปเทียนบูชา จักพาพ้นผิด  จงรีบเร่งคิด พิเคาระห์ท่านเอย.
อีกอย่างหนึ่งผู้เกิดพุธ กลางคืน  กลางคืนวันพุธ เป็นดุจคนรู้  มีนามราหู จงรู้เรื่องตาม มักถูกกลั่น
แกล้งพลาดพลั่งพ้นงาม แถมถูกเหยียดหยาม ประนามว่าร้าย เป็นคนใจแข็ง กรรมแรงเข้าวกวน เร่ง
คิดทั้งมวล ล้วนพ้นมั่นหมาย คงสนุกสนาน พ้นทุกข์ทั้งหลาย แพ้เรื่องแทบตาย กลับสบายหัวเราะ
ตกยากหลายครั้ง เพราะตั้งไว้ผิด จงเร่งพินิจ คิดทำบุญหนุนส่ง ต้องพรากที่อยู่ พรั่งพรูเพิ่มเคระหฺ์
แก่ชรากระเดาะ ปากเพราะร่ำรวย แก้ลำบากยากล้น ยอมทนทุกอย่าง กัดฟันหมั่นถาง หวังโชคอำ
นวย แต่เหมือนยิ่งอับ บุญกลับเอื้ออวย ให้เป็นตอนตอนด้วย ทั้งเคราะห์ทั้งบุญ พระประจำวัน รุ้กัน
ทั่วไป ปางป่าเลไลก์ จงได้คิดคุ้น บูชาพุทธะ คงจะมีคุณ ทำทานเจื้อจุน พออุ่นเอมใจ ท่านเอย.
บทสวดบูชาพระประจำวันพุธ
  สัพพะสีวิสะชาตีนัง ทิพพะมันตาคะทัง วิยะ ยันนาเสติ  วิสัง โฆรัง เลสัญจาปิ ปะริสสะยัง อาณัก
เขตตัมหิ สัพพัตถะ สัพพะทา สัพพะปาณินัง สัพพะโสปิ นิวาเรติ ปะริตตันตัม ภะณามะเห.
ให้สวดวันละ ๗  จบ จะมีความสุข สวัสดียิ่ง ๆขึ้นไป.  ผู้เกิดวันพุธ ควรใช้สีประดับตัว หรือประ
ดับบ้านเรือนเป็นสีเขียว หรือเขียวใบไหม้ ส่วนสีรองลงมาก็คือ สีเหลือง สีเทา สีดอกรัก สีขาวนวน
พึงเว้นสีม่วง ท่านเอย 
          
 คนเกิดวันอังคาร  พระประจำวันปางไสยาสน์
ผู้ใดเกิดวันอังคาร จิตใจกล้าหาญ ทายว่ารกพันคอ โกรธเร็วดังไฟ ใจไม่ย่อท้อ ได้พึ่งแม่พ่อ เป็นที่มั่นคง พี่น้องวงศา ไม่น่าซื่อตรง ทำให้ไหลหลง จนได้รำคาญ แต่มีปัญญา เจรจาอ่อนหวาน ไม่เกียจไม่คร้าน ต่อนานจึงจะดี ชาตาอาภัพ เกิดกับที่นี่ ต้องย้ายจึงจะดี ไปอยู่ที่อื่น ได้ดีสองครั้ง มั่งคั่ง มั่งคั่งยั่งยืน แล้วกลับโหดหืน ได้ยากสองหน จะต้องร้อนใจ เพราะภัยประจญ เครือญาติของตน ทำเดือดร้อนใจ ต่อแก่ชรา สุดสิ้นโรคภัย ได้ทรัพย์ที่สุด

๓.  พระอังคาร  ทรงมหิงสาเป็นพาหนะ
ผู้ใดเกิดวันอังคาร ๓ เป็นอัตตะ ผู้นั้นมักมีแผลเป็นตามใบหน้า มีความคิดดี พึ่งญาติพี่น้องเพื่อนฝูงมิได้ มักจะถูกเจ็บตัวเพราะเพื่อน ๔ เป็นหินะ ผู้นั้นมักเห่อทรัพย์ ๕ เป็นธะนัง ผู้นั้นเป็นคนมักได้ จะได้ทรัพย์จากขุนนางท้าวพระยา แต่มักจะมีคนคอยเบียดเบียน ๖ เป็นปิตาผู้นั้นพ่อตายก่อนแม่ มีข้าทาสหญิงชายมาก ภายหน้าจะมีบุญ ๗ เป็นมาตา มีมารดาเป็นคนสันทัด มีพี่น้องพอมัธยม เป็นคนโกรธง่ายหายเร็ว ๑ เป็นโภคา เป็นคนรู้จักรักษาทรัพย์ ๒ เป็นมัชฌิมา ผู้นั้นไปที่ใดๆ เจรจาเป็นที่ถูกใจแก่คนทั้งหลาย เขามักยินดีต้อนรับ

คนเกิดวันอังคาร  ผู้ใดเกิดวัน ๓ คือวันอังคาร อังคารเป็นบริวาร มีลูกเมียข้าไท ย่อมรู้หลัก ๔ พุธ เป็นอายุ ว่าอายุยืนกว่าญาติกา ๗ เสาร์ เป็นเดชมีเดชดังพระราม ๕ หฤหัสบดีเป็นศรี มีทรัพย์มากและรูปงาม มีความคิดมาก ๘ ราหูเป็นมูลละ มีรูปงาม ๖ ศุกร์เป็นอุตสาหะมีความเพียรมาก มีทรัพย์มาก เป็นชายดี ๑ อาทิตย์เป็นมนตรี มีข้ามักเป็นศัตรู ๓ จันทร์เป็นกาลกิณี มีเมียมักนอกใจ

ผิว์เกิดวันอังคาโร รกพันกัณโฐ มโนบ่มีที่ยั่งยืน เมื่อโกรธมีความฝ่าฝืน มีปรีชาชื่น อุตสาหะมานะ ทนทาน เจรจาอ่อนหวานเล่ห์กล มีที่ฝากตน เป็นผลยาวยืนได้เห็น มักทุกข์ด้วยญาติขุกเข็ญ ทุกข์อันหนึ่งเป็น ด้วยไร่นาของตนเอง ได้ดีสี่คราครื่นเครง ครั้งหนึ่งยากเอง ธาตุเหล็ก สีหะนามชาตา

ทำนายโชคชะตา ผู้ที่เกิดวัน อังคาร ดังนี้.
          สิทธิการิยะ  อันว่านรชนหญิง ชาย ผู้ใดที่เกิดวันอังคาร คำโบราณขนานนามเรียกว่า สีหะนาม ตามลักษณะสถิตธาตุเหล็ก
รอบรู้ไว้ ทำคูณใครไม่ขึ้นเลยแม้แต่ครั้งเดียว พลอยกลับทำให้ลำบากตน ทรัพย์สินเงินทองยากล้นที่จะเก็บไว้ ล้วนสูญหายละ
ลายไปเพราะชอบเอื้อเฟื้อคน ต้องย้ายที่หลายหนหลายแห่ง แถมตามร่างยังตั้งแต่งเต็มไปด้วยไฝฝ้า จนคนกล่าวเกรินว่าเป็นราศรี
แต่ก็จักได้ดีด้วยตนเอง พงษ์เผ่าล้วนสหายแค่โฉงเฉงดีด้วยปาก พอทุกข์ยากกรากหน้าเข้าหาเขาก็เบือนหน้าหนี อายุ ๑๕ ปีมักพบ
เศร้า แต่พอ ๒๕ เข้า เคราะเฝ้าประสบอีกครั้งแล้วตั้งตัวได้ เมื่อวัย  ๓๐ เศษ ๆ แล้วจึงพ้นเขตแห่งความทุกข์ มีแต่ความสุขอยู่ตลอด
ชีพ มีแต่ถีบสูงส่งท่านบ่งไว้ ทิศมูลของตนใซร้คือ อิสาน จงไหว้พระปฎิมาการทิศอาคเนยฺ์ อุทยานสวนสำหรับคือ ทิศบูรพา ท่อ
ธารธารานั้นเอาไว้ทิศอุดร ยุ้งสางจักเด่นเป็นทิศหรดี ข้าทาสบริวารเอาไว้ทิศปัจจิมนั้นนา ส่วนเครื่องศาสตราวุธเอาไว้ทิศพายัพ
ครัวไฟอัคคีร้อนแรงสรรพไว้ทิศทักษิณ จงยินดีไว้เท่านี้ด้วย  เทอญ.
ทำนายผู้เกิดงันอังคารอีกแบบหนึ่ง
  ผู้เกิดวันอังคาร ประเสริฐดีแท้ ได้พึ่งพ่อแม่ เป็นที่มั่นคง จิตใจหาญกล้า เกิดมาพับพัน ตรงคอคิด
ทัน รู้เท่าทางมวล พี่น้องวงศ์กุล พ้นวุ่นว่าเห็น จึงพ้นผองเข็ญ เพราะญาติก่อกวน เจรจาพาที มีหลัก
สำนวน การงานโดยด่วน ไม่เกียจคร้านทำ ชะตาอาภัพ อยู่กับที่เกิด หากจะประเสริฐ ย้ายที่อยู่นำ
สองครั้งดีเด่น กลับเข็ญเลวล้ำ ลำบากสองครั้ง ร้อนอกร้อนใจ เพราะภัยกระทำ เครือญาตินั้นซ้ำ
เสริมให้ร้อนใจ เมื่อแก่ชราแล้วใหซ้ ผ่องใสกมล ทรัพย์มากหลากล้น ดวงกมลสดใส พระประจำวัน
นั้นใซ้ โบราณขานไว้ ปางไสยาสน์นั้นแล  จงรู้ท่านเอย.
บทสวดบูชาพระประจำวันอังคาร
   ยัสสานุสสะระเณนาปิ อันตะลิกเขปิ ปาณิโน ปะติฎฐะมะธิคัจฉันติ ภูมิยัง วิยะ สัพพะทา สัพพู
ปัททะวะชาลัมหา  ยักขะโจราทิสัมภะวา คะณะนา นะจะ มุตตานัง ปะริตตันตัมภะณามะเห.
ให้สวดวันละ  ๘  จบ จะมีความสุข สวัสดีตลอดกาลนาน.  ผู้เกิดวันอังคาร ควรใช้ของประดับตัว
และบ้านเรือนเป็นสีชมพู หรือ สีแดง ส่วนสีรองลงมา ก็คือ สีดำ สีกรมท่า สีน้ำเงินแก่ สีดหลือง สี
แดง พึงเว้นสีขาวนวน ท่านเอย.


ดูดวงปี 2557-2558 คนเกิดวันจันทร์  ดวงปี2557 ของท่านจะ
คนเกิดวันจันทร์ พระประจำวันปางห้ามสมุทร
ผู้ใดเกิดวันจันทร์ เกณฑ์ชาตาผู้นั้น ทายว่าไร้วงศา อันจะพึ่งญาติ มิได้สักครา เขากลับพึ่งพา ดีเนื้อดีใจถ้าแม้นผู้อื่น ยั่งยืนหมายไว้ ติดเนื้อต้องใจ เอาเป็นพี่น้อง ไม่เกรงกลัวใคร น้ำใจจองหอง โอหังคะนอง พบเพื่อนสูงศักดิ์ ปากอ่อนใจแข็ง โกรธร้ายแรงนัก พ่อแม่ที่รัก ไม่อยู่เลี้ยงกัน มักมีตำหนิ เป็นแผลสำคัญ ถ้ามิฉะนั้น ทายว่าถูกไฟ จะต้องลำบาก ได้ยากเจ็บไข้ โทษทัณฑ์โภยภัย เพราะท่านผู้อื่น ตกยากเมื่อหน้า ภายหลังคงคืน ครอบครองยั่งยืนสุดสิ้นชนมานย์

๒.  พระจันทร์  ทรงอาชาไนย เป็นพาหนะ
ผู้ใดเกิดวันจันทร์ ๒ เป็นอัตตา ผู้นั้นมักไม่ค่อยได้อยู่ร่วมพี่ร่วมน้อง เมื่อน้อยมีผู้เฒ่าผู้แก่ขอไปเลี้ยงท่านจะให้ลาภ แต่ตัวเองมักอาภัพ ทำคุณคนไม่ขึ้น เจรจาชอบใจสมณชีพราหมณ์ ๓ เป็นหินะ ผู้นั้นมักจะไม่รักข้าวของของตน ๔ เป็นธะนัง ผู้นั้นเก็บทรัพย์ไว้กับตนเองมิดี มักมีคนคอยเบียดเบียน ๕ เป็นปิตา แม่ตายก่อนพ่อ บิดานั้นต่อไปกลางคนจะมีบุญ ๖ เป็นมาตา ญาติของมารดามีมากกว่าบิดา และมีข้าทาสมาก ๗ เป็นโภคา ผู้นั้นมิรู้รักษาทรัพย์ได้มาจักแจกจ่ายให้ผู้อื่น ๑ เป็นมัชฌิมา ผู้นั้นไปหาท่านผู้ใด มักดีแต่ต่อหน้า

คนเกิดวันจันทร์ ผู้ใดเกิดวัน ๒ คือวันจันทร์  จันทร์เป็นบริวาร จะได้เป็นเศรษฐี ๓ อังคารเป็นอายุ มีอายุน้อย มักจะเกิดพยาธิ ๔ พุธเป็นเดช มีเดชดังพระราม ๗ เสาร์เป็นศรี รูปไม่งาม ๕ พฤหัสบดีเป็นมูลละ มีรูปงามเป็นที่ชอบใจแก่คนทั้งหลาย ๘ ราหู เป็นอุตสาหะ มีความเพียรน้อย มีคนริษยามาก ทำการนานกว่าจะแล้ว ๖ ศุกร์เป็นมนตรี มีเมียหลายคน ย่อมเป็นเชื้อผู้ดี ๑ อาทิตย์เป็นกาลกิณี ร้ายนักคนเกิดวันอาทิตย์อย่าคบ
ถ้าผู้ใดเกิดวันจันทร์  ว่าไว้มีแผลถูกไฟ เป็นไฝสำคัญในกายา จะขึ้งจะโกรธปากกล้า มานะทะท้า ใจมักโอบอ้อมฉุยฉาย เจ็บสองครั้งปางตาย ว่าจะเป็นหม้าย ขวนขวายทำมาหากิน ได้เพื่อนฝูงเขามักสับใช้ พึ่งญาติไม่ได้ พี่น้องไม่เลี้ยงกัน ถ้าผู้ใหญ่ได้ยาก อาธรรม์ สองครั้งผายผัน ธาตุไม้พร้อมนามเตโช
  ทำนาย โชคชะตาคนที่เกิดในวัน จันทร์ ดังนี้.
   สิทธการิยะ  หญิง ชายผู้ใดที่เกืดในวันจันทร์ นามนั้นมีชื่อว่า ราชสิงห์นามรอบรู้ตามลัคนาว่า เป็นธาตุไม้ โกรธง่ายหายเร็วยิ่ง
นัก เพราะปากร้ายเหลือขวัญ คนจึงเป็นช้าศึกโดยทั่งไป พออายุย่างได้ ๑๕ พาให้เกิดร้อนอกร้อนใจ เพราะคบพวกพาลพาให้
เสียศรีเสียศักดิ์  ๒๓ จะประสบครบบุญกุศล ตั้งตัวตนได้เป็นอย่างดี แต่พอ  ๓๐ เกิด กลียุคมาบรรจบ ให้พบกับเคาระห์ร้ายแรง
ยิ่งนักแทบจักเอาตัวไม่รอด แต่ก็ปลอดภัยไร้อันตราย  พออายุ ๕๐ เศษ ได้รับแต่ความสุขพันทวี หาทรัพย์ได้ดีไม่มีขาดมือ แต่ต้อง
ยื้อถือเอาไว้บ้าง เพราะเงินค่อนข้างจะเรียราด ทิศมูลของชีวาตม์นั้นหรือคือบูรพา อันองค์พระปฎิมาเอาไว้ทิศหรดี สวนศรีปลูกมา
ดีดอกไม้นั้นใซร้ทิศอิสาน สระและบ่อธารจงเอาไว้ทิศอาคเนย์ ครัวไฟของร้อนเอาไว้ทิศพายัพ ข้าทาสบริวารสรรพดเอาไว้ทิศ
ทักษิณจักโสภิณผ่องสวัสดิ์ พ้นพิบัตินานาเป็นสุขเกษม ตาบเท่าชีวาของตนนั้นแล.
ทำนายผู้เกิดวันจันทร์ อีกแบบหนึ่ง
  ผู็้เกิดวันจันทร์ รู้กันมั่นคง มักไร้ญาติวงศ์์ คงสนิทเสนอหน้า การพึ่งพาญาติพี่น้อง ไม่สมปองนัก
หนา บรรดาญาติกา ติฉินนินทา มีน้ำใจจองหอง คะนองโอหัง เพื่อนสนิทฝ่าฝืน สูงศักดื์ลำเพา ใจ
แข็งปากอ่อน ไม่วอนใคร ๆ คิดแต่แค่เฝ้า ใฝ่ตนล้้นคุณ มีตำหนิแน่ เป็นแผลรู้กัน ถ้ามิฉนั้น มักถูกไฟ
ลน พ่อแม่มักจาก ต้องพากให้วุ่น ชีวิตชลมุน คุกคุ่นกองกรรม มักจะลำบาก ได้ยากเจ็บไข้ โทษทัณฑ์
โพยภัยเพราะท่านผู้อื่น สุขแล้วทุกข์ขื่น พาเศร้าระยำ ภายหลังเลิศล้ำ จนสิ้นชีวา พระปางห้ามสมุทธ
สุดเลิศเลื่อมครัน พระประจำวัน ควรนำมาบูชา จักพ้นทุกข์โศกสิ้นโรคบีฑา พ้นภัยโศกา สุขสันต์จริง
แท้ท่านเอย.
บทสวดบูชาพระประจำวันจันทร์
   ยันทุนนิมิตตัง อะวะมังคะลัญจะ โย จามะนาโป สะกุณัสสะสัทโท ปาปัคคะโห ทุสสุปินัง อะกัน
ตัง พุทธานุภาเวนะ วินาสะเมนตุ.
ยันทุนนิมิตตัง  อะวะมังคะลัญจะ โย จามะนาโป สะกุณัสสะสัทโท  ปาปัคคะโห ทุสสุปินัง อะ
กันตัง  ธัมมานุภาเวนะ  วินาสะเมนตุ.
ยันทุนนิมิตตัง  อะวะมังคะลัญจะ  โย จามะนาโป สะกุณัสสะสัทโท ปาปัคคะโห ทุสสุปินัง อะ
กันตัง  สังฆานุภาเวนะ  วินาสะเมนตุ.
ให้สวดวันละ  ๑๕ จบ จะมีความสุข ความเจริญยิ่งๆขึ้นไป.  ผู้เกิดวันจันทร์ ควรใช้สิ่งของประ
ดับตัวและบ้านเรือน เป็นสีขาวหรือสีเหลืองอ่อน ๆเป็นดีที่สุด ส่วนสีรองลงมาคือ สีเขียว สีดำ สีน้ำ
เงินแก่ พึงเว้นสีแดง ท่านว่าไม่ดี แล..

ดูดวง2557 ดูดวงความรัก เนื้อคู่ เจิมเดี๋ยวมาต่อนะ
ดูดวง2557
ดูดวง2557

โป่งข่้าม แก้่วกายสิทธิ๋แห่งล้านนา ตอนที่ 1


     นับแต่โบราณกาลมาแล้วที่คนรุ่นก่อนๆ ได้รู้จักและเห็นคุณค่าของแก้วชนิดต่าง ๆ ว่ามีคุณวิเศษเพียงใด ทั้งยังรู้จักที่จะนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์แก่ตัวเองและครอบครัว แต่ก่อนที่จะนำมาใช้ได้อย่างถูกต้องตามวิธีการที่แท้จริงนั้นต้องรู้จักคุณลักษณะ ที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ของแก้วแสงแต่ละชนิดเสียก่อน ตำราดูลักษณะของแก้วตามแบบที่ถูกต้องตามตำราพื้นเมืองลานนานั้นจริง ๆ แล้วเราสามารถแบ่งได้เป็นหลักใหญ่ ๆ ได้ทั้งหมด ๙ ประการ และยังสามารถแบ่งแก้ววิเศษออกได้อีกเป็น ๒๔ ดวง แก้ววิเศษทั้ง ๒๔ ดวงดังกล่าวนี้ถ้าหากว่าผู้ใดก็ตามที่สามารถนำมาครอบครอง หรือทำเป็นหัวแหวนแล้วนำมาสวมใส่มือหรือ อาจจะนำมาพกติดตัวเอาเก็บไว้เป็นขวัญถุงแล้วก็จะทำให้ผู้ที่ครอบครอง จะมีแต่ความสุขความเจริญมั่งศรีสุข ข้าวของอันพึงมีจะไหลมาเทมาและยังมีอานุภาพทางมหาอำนาจ คุ้มครองป้องกันจากภัยอันตรายต่าง ๆ ดังมีผู้ได้ประสบการณ์อยู่เนือง ๆ บางทีก็ถึงขั้นคงกระพันฟันแทงไม่เข้า ที่เรียกกันว่าข่ามคงคำลักษณ์วิเศษณ์ของภาษาทางเมืองเหนือที่มีมาช้านานนั้น จะพรรณนาถึงลักษณะที่เกิดขึ้นภายในเรือนแก้วลักษณะของน้ำแก้วและส่วนพื้น หรือส่วนประกอบที่เกิดขึ้นจริงอย่างเช่นจะพูดถึงประกายอันระยิบระยับ หรือความแพรวพราวของน้ำแก้วเอง คือจะพรรณนาถึงประกายอันวูบวาบระยิบระยับ ของเนื้อแก้วความแพรวพรายของแก้วและ น้ำแก้วได้อย่างน่าฟัง เพราะบรรยายถึงคุณลักษณะแก้วโป่งข่ามที่ต้องการได้ดีเช่น ของดีก็ควรคู่คนดีหรือคุณว่าไง?

          ความวาวของแก้วที่ให้แสงแพรวพราย มักเรียกลักษณะนั้นว่า "มิงๆ ม็องๆ" แววระยิบระยับ(เรียกกันว่า "มาบเม็บ") ของแก้วโป่งข่ามนั้นเรา มักจะอยู่ในลายชื่อ ประกายแก้ว หรือลายที่ชื่อ แก้วกระจาย ลักษณะของวาวประกายแก้วอาจจะยกตัวอย่างง่าย ๆ โดยเอาน้ำแข็งทุบให้แตก สะเก็ดน้ำแข็งก้อนเล็ก ๆ ที่กระจายอยู่รอบ ๆ จะให้ประกายชนิดนี้ แม้ต้องแสงพระอาทิตย์จะทำให้แสงนั้นแหลมคม แต่ก็ดูได้เย็นตา วาวสะท้อนชนิดนี้ย่อมเป็นเอกลักษณะและคุณสมบัติที่เป็นคุณค่าเฉพาะตัวของแก้วโป่งข่าม ส่วนลักษณะวาวแสงไม่บาดตาอยู่ในพวกให้แสงวาวแววแพรวพราย วาวแก้วกระจายและวาวประกายแก้วนี้ต่างกันโดยลักษณะที่จำแนกขึ้น แก้วกระจายหมายถึงแก้วในทรงผลึกเล็ก ๆ ในลักษณะหินทรายแก้วกระจาย
         ส่วนประกายแก้วอยู่ใน ลักษณะสะเก็ดที่แตกออกจากกันโดยกำเนิดมีความแหลมคม ประกายแก้วอาจเกิดขึ้นจากกรรมวิธีโดยนำเอาแก้วผ่านความร้อนสูงแล้วชุบน้ำที่เย็นจัด รอยร้าวด้วยกรรมวิธีนี้จะให้แสงแบบประกายแก้วได้เหมือนกัน แต่แตกต่างจากที่เกิดตามธรรมชาติที่มีความนุ่มนวล เย็นตากว่าและที่สำคัญ ลักษณะต่าง ๆ ที่เกิดในเนื้อแก้วตามธรรมชาติจะเป็นตัวบอกคุณวิเศษของแก้วดวงนั้นว่ามีอาณุภาพเช่นไร ส่วนแก้วที่อัดหรือทำให้เกิดลักษณะขึ้นนั้นจะไม่มีอานุภาพดังกล่าว เพราะไม่มีพลังงานของธรรมชาติเข้ามาเกี่ยวข้องเลย ผู้ที่สนใจจะซื้อหาแก้วโป่งข่ามจึงควรศึกษาเรียนรู้จากผู้รู้จริง เพื่อที่จะให้ได้แก้วที่ทรงคุณค่าจริง ๆ ไว้เป็นมงคลแก่ชีวิต หากเลือกซื้อหรือได้แก้วจากแหล่งที่ไม่มีคุณธรรมคือใช้เศษแก้วหรือการอัดแก้วหรือทำให้เกิดรอยฐาน เพื่อเพิ่มราคาแก้วก็อาจได้แก้วที่ไม่มีซึ่งอำนาจและคุณวิเศษ ซ้ำร้ายอาจได้แก้วอุบาทว์ คือไม่เป็นมงคลและอาจจะนำโชคร้ายมาสู่ตัวเจ้าของก็ได้ ส่วนแก้ววิเศษที่เล่ามานั้นยืนยันว่าหากใครมีไว้เป็นของวาสนา เพราะทรงคุณตามตำราไว้ หากไม่จริง คนโบราณท่านคงไม่บันทึกไว้เพื่อสืบทอดความเชื่อกันมานับร้อยนับพันปีครับ

โป่งข่าม ตอนที่ 2

แก้วกายสิทธิ์แห่งลานนา
    ลักษณะของวาวแก้วแพรวพรายหรือ "มิงๆ ม็อง ๆ" มักจะมีอยู่ในแบบลาย คือแบบลาย ปวกน้ำ ลายชนิดนี้มีกำเนิดขึ้นในเนื้อแก้วแบบฟองอากาศในน้ำ เกิดโพรงก๊าซขึ้นภายในเนื้อแก้วในระยะกำเนิดก่อตัวของแก้วที่ต้องใช้เวลานับหมื่นปี อาจจะดูตัวอย่างเปรียบเทียบง่าย ๆ โดยเป่าลมลงในหลอดดูดน้ำแข็งเปล่าในแก้ว เรียกลักษณะลายปวกน้ำนี้ว่า "ใสมิง ๆ ม็อง ๆ" เป็นต้น

   การที่เราจะวางลักษณะเพื่อที่จะพิจารณาคุณค่าแต่ละเม็ด ของแก้วได้นั้นอาจจะวางลักษณะเพื่อที่จะใช้ประกอบการพิจารณาคุณค่าได้ดังนี้
     ๑. ส่วนบน ต้องดูให้ดีว่าน้ำแก้วดีแค่ไหนใสหรือไม่อย่างไร
     ๒. ส่วนกลาง ลายแก้วเป็นอย่างไรมีสลักชนิดไหน หรือมีเส้นขนอย่างไรเหมาะสมกับลักษณะของผู้ที่จะนำไปใช้หรือไม่
     ๓. ส่วนพื้น ต้องดูที่ส่วนประกอบของพื้นหรือก้นแก้วลักษณะของปวกทรายหรือเม็ดทราย ที่ประกอบอยู่ที่ก้นแก้ว

         ความศักดิ์สิทธิ์ของแร่ ควอตซ์ซึ่งพบที่อำเภอเถิน จังหวัดลำปางที่มีลักษณะทางกายภาพเฉพาะตัวแตกต่างจากที่พบตามสถานที่อื่นๆ ที่เรียกหาโดยทั่วไปว่า "โป่งข่าม" นั้นปรากฏเรื่องราวเล่าสืบต่อกันมาอย่างยาวนานนับแต่โบราณกาลจนปัจจุบันอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าในปัจจุบันความนิยมใช้แก้วโป่งข่ามเป็นเครื่องประดับจะยังไม่สูงเท่าในอดีตเมื่อ ๒๐ ปีที่ผ่านมาก็ตาม แต่ก็ยังเป็นที่สนใจเก็บสะสมและเเสวงหาของผู้สนใจบางกลุ่มอย่างต่อเนื่องทั้งนี้ด้วยเหตุที่ว่า ประสบการณ์หรือความศักดิ์สิทธิ์ของโป่งข่าม นั่นเอง ผู้ที่พบกับอำนาจลี้ลับต่างซุ่มเงียบคอยแสวงหาเก็บแก้วโป่งข่าม รูปแบบต่างๆไว้เป็นทรัพย์สมบัติส่วนตัวและหวังให้เป็นมรดกกับลูกหลานที่อาจจะไม่ได้เห็นความงดงาม และประสบความศักดิ์สิทธิ์ของอัญมณีศักดิ์สิทธิ์สมบัติจากแม่พระธรณีชนิดนี้ด้วยเหตุผลที่ว่าหากพวกเขา เหล่านั้นไม่รีบแสวงหาเป็นเจ้าของเสียแต่ในตอนนี้ก็คงจะสามารถหามาครอบครองได้ยากยิ่งขึ้นเรื่อยๆหลายคน ที่เก็บสะสมต่างพูดว่าเสียดายที่เมื่อก่อนนั้นพวกเขายังไม่รู้สรรพคุณของแก้วโป่งข่ามที่ทรงความศักดิ์สิทธิ์ดีพอ จึงทำให้พลาดโอกาสเก็บแก้วโป่งข่ามลวดลายพิเศษบางชื่อที่มีคุณสมบัติสวยทั้งรูปและเรืองอานุภาพด้วยอำนาจ ลี้ลับจากขุมทรัพย์แม่พระธรณีแห่งนี้ซึ่งในปัจจุบันหายากแทบพลิกแผ่นดินทีเดียวแม้จะมีเงินสักเพียงใดก็ไม่อาจ แสวงหาเเก้วโป่งข่ามที่มีลวดลายครบถ้วนได้ตามตำราทุกแบบ และหากไม่รีบสะสมหรือแสวงหาแต่ตอนนี้ ก็เป็นไปได้อย่างแน่นอนว่า สักวันหนึ่งคงได้ยินชื่อโป่งข่ามแต่เพียงชื่อเท่านั้น

โป่งขาม ตอนที่ 3

    หากมีผู้ถามว่า ก็แก้วโป่งข่ามนั้นเป็นควอตซ์ หรือคริสตอลเหมือนที่พบในจีนและบราซิล ที่ปัจจุบันมีร้านอัญมณีในกรุงเทพฯหรือตามเมืองใหญ่สั่งเข้ามามากมาย นั้นมีความแตกต่างกันอย่างไร เรื่องนี้ต้องตอบยืดยาวหลายประเด็นครับเพราะอัญมณีประเภทควอตซ์ หรือคริสตอลที่สั่งนำเข้าจากเมืองนอกนั้นมีทั้งส่วน ที่ได้จากธรรมชาติแท้และเกิดจากการนำเศษคริสตอลมาอัดด้วยกรรม วิธีทางวิทยาศาสตร์ทำให้ได้แก้วอัดซึ่งมีราคาไม่สูงมากนัก ถ้าจะว่าความสวยงามอย่างผิวเผินอาจคล้ายกันแต่ถ้าท่านเห็น โป่งข่ามแท้ๆแล้วจะรู้ว่าต่างกันมากทั้งน้ำแก้วที่ปรากฏ ออกมาที่ระยิบระยับหรือแวววาว ส่วนคุณสมบัติด้านจิตศาสตร์ ที่เป็นอำนาจลี้ลับนั้นก็ไม่ต้องพูดถึงเพราะแก้วที่ดอยขุมแก้ว อันเป็นที่กำเนิดโป่งข่ามนั้นเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์ มีตำนานว่ามีเทพเจ้า ผู้ทรงมเหศักดิ์มีความศักดิ์สิทธิ์เป็นผู้รักษา ดอยขุมแก้วแห่งนี้ซึ่งทำให้อานุภาพของแก้วหรือแร่ ควอตซ์ที่นี่จึงมีความลี้ลับศักดิ์สิทธิ์ที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์แตกต่างจาก ที่อื่นๆชนิดที่เรียกว่า หัวแก้วโป่งข่ามที่ยังไม่เจียระไนหรือเมื่อ ขึ้นรูปเป็นเรือนแหวนสวยงามแล้วก็มีความศักดิ์สิทธิ์ในตัวเอง อย่างเด่นชัดโดยไม่ต้องอธิษฐานจิตปลุกเสกจากผู้ทรงจิตตานุภาพ แต่อย่างใดเรื่องนี้เรียกว่าพิสูจน์ได้ด้วยตัวท่านเองเพียงแต่ ขอให้มีแก้วโป่งข่ามที่แท้ๆ เท่านั้น ก็สามารถให้ผู้ทรงสมาธิ ตรวจระดับพลังงานความศักดิ์สิทธิ์ที่มีในแก้วโป่งข่ามนี้ได้ซึ่งก็เป็น ที่ยอมรับว่ามีความสูงส่งไม่แพ้พระเครื่องที่ค่านิยมเรือนแสนเลยทีเดียว และหลายท่านอาจไม่ทราบว่าพระแก้วที่พบในที่ต่างๆ นั้นไม่ใช่การเล่นแร่แปรธาตุจนได้แก้วที่เรียกว่า "แก้วน้ำประสาน" ซึ่งเป็นวิธีทำแก้วสังเคราะห์แบบโบราณตามที่เข้าใจกันโดยทั่วไป แต่ใช้การแกะสลักจากหินแก้วโป่งข่ามที่เป็นแก้วศักดิ์สิทธิ์จาก ธรรมชาตินี่ละครับที่บรรพชนท่านค้นพบและนำมา สร้างเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ให้ชาวพุทธได้สักการะเเละ เป็นการเสริมศรัทธาในพระศาสนาเพราะความศักดิ์สิทธิ์ ของมเหศักดิ์เทวราชที่คุ้มครองรักษาแก้ววิเศษนี้เอง หลายท่านที่ชอบศึกษาเรื่องราวทางเวทมนตร์หรือเรื่องลี้ลับก็คงเคย ได้ยินเรื่อง แก้ววิเศษหรือที่เรียกว่า "มณีรัตนะ" ที่ปรากฏในตำนานชาวพุทธโบราณที่อาจเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า "แก้วจักรพรรดิ์" ที่ทรง พลานุภาพควรคู่ผู้มีบุญญาธิการ ซึ่งหากถามว่า แก้วมณีรัตนะนั้นเป็นอย่างไรก็ คงตอบได้ว่าคือแก้วชนิดหนึ่งที่ปรากฏบน พื้นพิภพที่มีอานุภาพในตัวเองอย่างที่เรากำลัง พูดถึงเรื่องแก้วโป่งข่ามนี่ยังไงครับ เพื่อเป็นข้อพิสูจน์ว่าที่นำมาบอกเล่าสอดคล้องกับตำนานแก้วมณีรัตนะ จะขอยกเรื่องแก้วจักรพรรดิหรือมณีรัตนะที่ปรากฏในตำนาน


จักรวาลเล่มแรกของโลกที่เขียนโดยคนไทยคือเรื่อง "ไตรภูมิพระร่วง" ที่กล่าวถึงเรื่องตำนานเรื่องพระจักรพรรดิไว้จนเป็นคติความเชื่อที่กษัตริย์โบราณในสุวรรณภูมิ ทั้งหลายต่างใฝ่ฝันจนต้องแสดงพระบรมเดชานุภาพขยายอาณาจักรของตนออกไปแม้พระเจ้าบุเรงนองที่ได้รับสมัญญาว่า "ตะละพะเนียะทอเจาะหรือผู้ชนะสิบทิศ" ก็เป็นสมัญญานามที่มาจากคติในตำนานพระเจ้าจักรพรรดินี่เองครับ

โป่งข่าม ตอนที่ 4

แก้วกายสิทธิ์แห่งลานนา
    แก้วมณีรัตนะหนึ่งในรัตนเจ็ดประการของพระเจ้าจักรพรรดินั้นได้ บรรยายไว้ว่ามีสันฐานดังหนึ่งลูกฟัก หากพิจารณาดูก็พบว่าเป็นแก้วชนิดหนึ่งที่เรียกว่า "แก้วโตน" ซึ่งมีสันฐานกว้างกลมและยาวออกดังฟักนั่นเองต่างแต่ว่าแก้วจักรพรรดิ ในตำนานนั้นมีขนาดใหญ่และน้ำงดงามกว่าที่พบทั่วไปมากซึ่งก็พออนุมานว่าตำนาน นั้น คงมีเค้าจากเรื่องจริงอยู่มากเพราะแก้วตามธรรมชาติที่มีลักษณะดังว่าก็มี อยู่ จึงทำให้เกิดประเพณีการสร้าง "พระเเก้ว" ขึ้นเสมือนหนึ่งการเฉลิมฉลองพระเกียรติยศ ของกษัตริย์โบราณว่าเป็นพระเจ้าจักรพรรดิองค์หนึ่งนั่นเอง

  สำหรับแก้วโป่งข่ามที่นำมาเล่าให้ฟังนี้ก็คงเป็นสายพันธ์ตระกูลหนึ่งของ แก้วที่กำลังก่อตัว ที่อาจเรียกได้ว่าบำเพ็ญบารมีสู่การเป็น "แก้วมณีรัตนะ" หนึ่งในรัตนเจ็ดประการของผู้ทรงบุญญาธิการอย่างพระเจ้าจักรพรรดิตาม ตำนานของชาวพุทธโบราณ โป่งข่ามจึงเป็นแก้วที่สูงค่าและเสริมบารมีกับ ผู้ครอบครองที่เชื่อถือและเป็นที่ศรัทธามาแต่ครั้งบรรพกาล 

ข้อมูลจากเวป อุณลิมิต

บทสวดเจ้าแม่กวนอิมเสียงเด็ก

อัปปมัญญาเมตตา แปลไทย

เกลือแก้อาถรรพ์

เกลือกับการล้างอาถรรพ์

คนโบราณเรียกว่า โดนลมเพ ลมพัด สามารถการล้าง อาถรรพ์  สามารถนำมาใช้เพื่อกำจัดภัยได้ ภัยที่ว่าคือภัยจากสิ่งที่มองไม่เห็น อาทิ อาการ หนาว ๆ ร้อน ๆ ครั่นเนื้อ ครั่นตัวคล้ายจะเป็นไข้ ซึ่งมิว่าจะเป็นเกลือเม็ดหรือเกลือป่น เพื่อแสดงถึงการดูดโชค และป้องกันสิ่งชั่วร้าย

ความเชื่อเกี่ยวกับเกลือนี้ มีว่าเกลือสามารถขจัดสิ่งอัปมงคลและสิ่งชั่วร้ายได้ อย่างเช่นในสมัยโบราณหากมีการไปงานศพ เมื่อกลับมาถึงบ้าน ก่อนที่จะเข้าบ้านจะมีการโรยเกลือที่ทางเข้าบ้านเสียก่อนจึงค่อยก้าวเท้า เข้าบ้าน หรือเพียงนำเกลือ หนึ่งกำมือใหญ่ ๆ ละลายน้ำร้อน เสร็จแล้วนำมาผสมน้ำธรรมดา ตอนนี้เราจะได้เกลือเข้มข้น เค็ม ๆ ในน้ำอุ่น จากนั้นอาบน้ำให้สะอาด เมื่ออาบเสร็จแล้ว นำน้ำเกลือดังกล่าวมาอาบราดให้ทั่วตั้งแต่ศีรษะ จรดปลายเท้า จากนั้นทิ้งไว้ สาม ถึง ห้านาที แล้วจึงล้างออกให้สะอาด จะอาบสบู่ และแชมพูสระผมอีกรอบก็ได้ สุดท้ายถ้าจะอาบน้ำมนต์อีกรอบก่อนเช็ดตัว ก็จะยิ่งดี
ศาสตร์ฮวงจุ้ย ซึ่งนำเกลือมาใช้ให้เกิดประโยชน์คือการนำเกลือมาช่วยขับไล่สิ่งอัปมงคล
บ้านเรือนใดมีปัญหามาก ๆ มีแต่เรื่อง หรือเมื่อเราไปซื้อบ้านมือสอง รถยนต์มือสอง ต้องการล้างอาถรรพ์ไม่ดีเหล่านั้น ก็โดยการนำเกลือเม็ดมามาก ๆ หน่อย ผสมกับเศษสตางค์ กี่บาทก็ได้ เมื่อผสมกันแล้ว จึงไปโปรยหว่านให้ทั่วบ้านหรือทั่วรถยนต์ ทิ้งค้างไว้ หนึ่งคืน จึงกวาดให้เกลี้ยง ใส่ในห่อผ้าขาว นำไปไว้วัด หรือโคนต้นไม้ใหญ่
อย่างไรก็ตามความเชื่อเกี่ยวกับเกลือถือว่า เกลือเป็น สิ่งที่ดึงดูดทรัพย์โชคดีเข้าบ้านได้ และยังปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายได้ คนจีน ถือว่าเกลือนั้นแก้ฮวงจุ้ยไม่ดีได้ เช่นถ้าฮวงจุ้ยห้องน้ำไม่ดีก็จะวางชาม เกลือไว้ในห้องน้ำในครัวควรมีเกลือติดครัวอยู่เสมอ เกลือเหล่านี้จะช่วยดูด ซับเชื้อโรคและความชื้น จะช่วยให้คนในบ้านแข็งแรง ไม่ค่อยเจ็บไข้ได้ป่วย

มหายันต์ศรีจักรา ตินที่ 1

ศรีจักรา
มหายันต์ปาฏิหาริย์แห่งโลก มนุษย์ เทพ และจักรวาล
    ศรีจักรานี้เป็นยันต์ที่ถือว่าเป็นสุดยอดของยันต์ทั้งปวงของชาวภารตะ ซึ่งถูกลอกเลียนไปใช้ในทิเบตแต่ก็ได้ไปแบบไม่ครบถ้วน เนื่องจากคติยันต์ฝ่ายฮินดูนั้นผูกสร้างอำนาจจากเทวะต่างๆด้วย การบูชาเทวราชที่เป็นรูปแบบหนึ่งของธรรมชาติ หรือบางทีคัมภีร์โบราณก็มักกล่าวว่า ธรรมชาติที่เราเห็นอยู่สัมผัสอยู่นี่ละที่เป็นส่วนหนึ่งของพระเป็นเจ้าของพวกเขา ซึ่งตรงนี้ลุงกุสต้องขอบอกว่าเรื่องราวของเทพเจ้าทางพราหมณ์เขานั้นนะไม่ใช่สิ่งที่เหลวไหลไร้สาระนา แต่เป็นการศึกษาในระดับคลาสสิกทีเดียวเชียวซึ่งต้องเข้าใจให้ตรงกันก่อนว่า เรื่องทรงเจ้าเข้าผีที่ก่อคดีสะเทือนขวัญที่เพิ่งผ่านมาเร็วๆนี้มันเป็นคนละเรื่องกับศาสตร์ของทางพราหมณ์เขา ซึ่งไม่นิยมยอมรับเรื่องการประทับทรงนี้เลย โดยยกเว้นพวกกลุ่มชาวทมิฬ(อินเดียใต้) ที่มักมีพิธีทรงเจ้าแต่คนฮินดูส่วนใหญ่เขาไม่ยอมรับเนื่องจากมีคติว่าร่างกายของมนุษย์นั้น หยาบเกินกว่าภาวะของเทพเจ้าจะเข้าทาบทับจนสนิทได้ซึ่งผู้ที่จะเข้าถึงเทพเจ้าได้ต้องบำเพ็ญตบะเฉพาะ และต้องแสวงสันโดษจนจิตยกระดับเป็นที่สมาคมกับมหาเทวะทั้งหลายได้ เรื่องการทรงเจ้าเข้าผีแบบดำน้ำลุยไฟนี่ละลุงกุสไม่ยอมรับกิจพิธีเหล่านี้ว่า เป็นเรื่องของเทพเจ้าหรอกเพราะจากตำรับตำราที่เชื่อถือได้พบว่าเป็นพิธีกรรมของพวกคนป่าด้อยอารยะธรรมแบบพ่อมดหมอผีวูดู ซึ่งลัทธินิยมเทวะเรียกพวกนี้ว่า “อสูรนิกาย” นิยายจีนกำลังภายในเราจะได้ยินว่า “ม้อก่า”หรือนิกายอสูรนี่ละ สำหรับสายอารยะธรรมนี่ต้องบอกว่ามาคนละด้านเลย พวกเทพนิกายนี้เดิมของอินเดียนั้นมาตอนที่เผ่าอารยันบุกเข้าส่วนกลางของชมพูทวีป และสถาปนาเผ่าพันธุ์ของตนเข้าปกครองชาวพื้นเมืองเดิมที่เรียกว่ามิลักขะซึ่งมีส่วนหนึ่งอพยพถอยร่นมาสู่อินเดียทางตอนใต้ เผ่าอาระยันก็คือบรรพบุรุษของราชวงศ์ศากยะ ซึ่งเราจะไม่แปลกใจเลยที่ลำดับเทพเจ้าในพุทธศาสนานั้น บางประการเหมือนที่ปรากฏในคัมภีร์ก่อนยชุรเวทของพราหมณ์ และเป็นต้นเรื่องราววิชาการสายพระเวทต่างๆที่แตกสาขาออกมากมายจน แม้พุทธฝ่ายเถรวาทที่ยึดมั่นในธรรมวินัยดั้งเดิมที่พระศรีศากยะมุนีก็รับเอาความรู้นี้มาปรับใช้(ระดับฆารวาสธรรม) โดยอยู่ใต้พุทธปรัชญาอย่างกลมกลืนทั้งนี้ก็เพราะต่างเป็นเรื่องราวของสัจจะธรรมในธรรมชาติจึงเรียกว่าพูดจาภาษาเดียวกันนั่นเอง

    ลุงกุสเล่าเรื่องมายิกของชาวตะวันตกมาก็หลายตอนเลยอยากนำเรื่องราวของชาวภารตะที่นับว่าเป็นต้นตำรับมายิก หรือพระเวทสายสำคัญสายหนึ่งของโลกมาเล่าสู่กันฟังบ้างและพบว่า ในกระบวนยันต์ต่างๆที่มีใช้ในบ้านเรานั้นส่วนใหญ่พัฒนาดัดแปลงมาจากสายพราหมณ์มากพอสมควร ทั้งนี้เราต้องยอมรับอยู่ว่าวิทยาการของพราหมณ์(ในระดับทางโลกีย์วิสัย) นั้นถือว่าเป็นสุดยอดของโลกสายหนึ่งทีเดียวเชียวเดี๋ยวจะหาว่าหล่อไม่บอก

     ชาวภารตะมักปลูกสร้างความศักดิ์สิทธิ์โดยกำหนดบูชาองค์เทวะเจ้าต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับพลังงานทางธรรมชาติโดยมองจักรวาลในระบบที่เปิดคือมิใช่มองแค่มนุษย์เป็นศูนย์กลาง แต่มองในโลกธาตุที่มีภพภูมิอื่นๆร่วมอยู่ด้วยทั้งไม่ได้จัดระดับมนุษย์ให้สูงหรือต่ำเกินไปแต่อยู่บนหนทางเลือกแบบว่า “จิตวิญญาณเสรี”อย่างไรอย่างนั้นคือจะเลือกไปดีไปชั่วได้ด้วยศรัทธาและปัญญาของตัวเองที่จะนำพาพฤติกรรมของตนเป็นการสร้าง “กรรม” ที่ชักนำสถานะของตนไป เรื่องเทพเจ้าของภารตะถูกนำมาผูกสร้าง “มหาวิทยา” คือความรู้ที่ยิ่งใหญ่สองประการคือ ยันตรา และมันตรา กล่าวว่าทั้งสองประการคือเส้นสายของจักรวาลที่ถักทอเป็นชาติภพหรืออาจเรียกว่า มายาแห่งประชาบดีก็บ่มิผิด(เอ้าว่าเข้านั่น) ยันตราเป็นคลื่นของแสง ส่วนมันตราเป็นคลื่นของเสียง เรียกว่า มีทั้งคลื่นตามยาวและคลื่นตามขวางเลย หลักการดังกล่าว ยันตราและมันตราต่างๆจึงมีความเข้มขลังที่เป็นพลังงานศักดิ์สิทธิ์สากล ที่เสมือนหนึ่งจิตวิญญาณสากลแห่งจักรวาลได้รังสรรค์สร้างให้มนุษย์ได้รู้จักเรียนรู้เพื่อค้นพบตัวตนที่แท้จริงว่า อัตตาของตนนั้นคือสถานะใดในอุ้งหัตถ์แห่งประชาบดี(ธรรมชาติผู้สร้าง,พระเป็นเจ้า)

มหายันต์ศรีจักรา ตอนที่ 2

ศรีจักรา
มหายันต์ปาฏิหาริย์แห่งโลก มนุษย์ เทพ และจักรวาล (ตอนที่ ๒)

    การปรับเปลี่ยนเงื่อนไขกาลเวลาของยุคต่างๆที่ซ้อนมิติอยู่ในจักรวาล ซึ่งโดยปกตินั้น จะแสดงสถานะยุคทางกาลเวลานั้นสี่สถาน เริ่มตั้งแต่เริ่มต้นยุคสร้าง จนสิ้นสุด(มหากาลียุคคือปัจจุบันนั่นเอง) ซึ่งเป็นการดับยุคแล้วเกิดวัฏฏะยุคทางกาลเวลาใหม่ สิ่งเหล่านี้ได้ปรากฏในการเคลื่อนที่ของระบบสุริยะทั้งระบบที่โลก เป็นแกนในการสร้างความสัมพันธ์กับดาวเคราะห์อื่นๆนั้น ก็จะมีลักษณะการอย่างเช่นการเกิดจุดสุริยะฉายเป็นเสมือน ประตูสวรรค์สี่ครั้งตามที่กล่าวมานั้นก็ตาม ลักษณะดังกล่าวยังปรากฏให้เห็นเป็นฤดูในปีนั้นก็มีความแตกต่างตามสภาวะที่ปรากฏในธรรมชาติ ซึ่งบางคนอาจถกเถียงว่า บางส่วนอย่างพื้นที่ตรงใกล้เส้นศูนย์สูตร หรือบริเวณขั้วการหมุนของโลกนั้นจะมีฤดูกาลปรากฏให้เห็นไม่ถึงสี่ฤดูกาลก็ขอแก้ว่า ฤดูทั้งสี่นั้นยังมีอยู่แต่ช่วงที่ปรากฏในแต่ละพื้นที่นั้นเหมือนจุดเงา ที่บางบริเวณอาจเกิดการทาบซ้อนหรือมีระยะสั้นจึงไม่อาจสังเกตเห็น ความเป็นไปดังกล่าวย่อมแสดงให้ประจักษ์แจ้งถึงประตูแห่งจักรวาล ที่มีอยู่ถึงสี่ด้านและเป็นที่มาของเทพผู้พิทักษณ์ที่เรารู้จักในคติพุทธศาสนาว่า จตุโลกบาล ยังไงละหลานๆ ซึ่งกระบวนดาวฤกษ์ดาวเคราะห์ ทั้งหลายนี้จะมีแรงกระทำต่อกันอยู่ตลอดจึงรักษาสถานะที่เป็นในขณะนั้น ได้หากดาวใดหรือสิ่งใดมีการเปลี่ยนแปลงภายในที่รบกวนระบบใหญ่ก็จะเกิดการไม่สมดุล และดำรงอยู่ไม่ได้ ความรู้นี้จึงเกิดปรัชญาเรื่อง “กรรม” ของพราหมณ์ที่มีนัยใกล้เคียงกับที่นักวิทยาศาสตร์ค้นพบ(กฏไอแซคนิวตันทั้งสามข้อ)คือ “หากกรรมเพียงนิดปรากฏก็กระเทือนทั่วจักรวาล” การกระทำของใครก็ตามจึงส่งผลต่อระบบจักรวาล ทั้งระบบต่างที่ผลปรากฏจะมากน้อยกว่ากันเท่านั้น หลักกรรมที่ว่าจึงเกิดจารีต “อหิงสา” คือการไม่เบียดเบียนเป็นการรักษาตัวเอง และระบบไว้เพราะเชื่อว่าหาก กรรมที่มนุษย์ร่วมกันก่อมากๆก็อาจมีผลกระทบกับปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ ต่างๆที่แปรปรวนไปเรื่องนี้ดูจะสอดคล้องกับหลักศาสนาใหญ่ทุกศาสนาเลยละ (ไม่รู้ว่า คลื่นสึนามิที่เกิดขึ้นเมื่อเร็วๆนี้ จะเกี่ยวหรือไม่? แต่นักศาสนาหลายคนเชื่อว่าเป็นสัญญาณเตือนมนุษย์จากบางสิ่งบางอย่างว่าให้ปรับการกระทำของตนเสียใหม่) ขณะที่จักรวาลดำเนินธรรมชาติความเป็นไปที่เล่ามา โดยในระหว่างที่ยุคกาลเวลานี้ยังดำเนินไปนั้นจะมีพลังงานบางประการรักษาสมดุลของจักรวาลไว้คือ ก่อเกิด(พรหม) รักษาสถานะ(นารายณ์) ทำลายเพื่อสร้างสภาวะใหม่(ศิวะ) รวมเรียกว่า “พระเป็นเจ้า” นั่นเอง โดยอาศัยแบบจำลองเสาหลักของกาลเวลาที่เรียกว่า “ศรีไกรลาส” ซึ่งเป็นจุดที่กาลเวลาสงบนิ่งที่อดีต ปัจจุบันและอนาคตเป็นหนึ่งเดียวกันอาจกล่าวว่าลักษณะเช่นนี้เป็น การตกผลึกของวัฏฏะจักรการเวลาซึ่งได้กำหนดเหตุการณ์ดังกล่าวในลักษณะภาพรูปทรงเรขาคณิต ซึ่งในทางวัตถุนั้นเราไม่อาจเห็นได้ง่ายนัก แต่โดยหลักวิชาทางพราหมณ์ยุคก่อนได้เรียนรู้กลไกการเคลื่อนขยายอาณาเขตของจักรวาล ที่มีการสามารถเล็งหาจุดศูนย์กลางการเคลื่อนออกนั้น (ปัจจุบันนักดาราศาสตร์ก็ยอมรับว่า จักรวาลขยายตัวออกทุกขณะ) ในทางวัตถุนั้นหากหลานๆลุงกุสอยากจะลองค้นคว้าเรื่องสถานที่ที่เป็นจุดยึดตรึงกาลเวลา ก็สามารถหาได้จากเข็มทิศที่ลองวางแนวเข็มทิศที่เป็นสนามแม่เหล็กในบ้านดู ก็จะพบว่าแต่ละพื้นที่มีเส้นแรงแม่เหล็กที่ไม่เป็นแนวเดียวกันทั้งหมด ทั้งนี้ก็เนื่องจากกลไกของวัตถุต่างๆในบ้านที่สะท้อนพลังงานแม่เหล็กโลกออกมาไม่เหมือนกัน ซ้ำปัจจุบันได้มีการค้นพบและใช้ประโยชน์จากไฟฟ้าในชีวิตประจำวันมากมาย จนเกิดสนามพลังงานแม่เหล็กไฟฟ้ามั่วไปหมด จุดยึดตรึงต่างๆที่สามารถอยู่ในระนาบเดียวกันได้ย่อมเกิดเส้นแรงลัพธ์ ซึ่งหากเราขีดเส้นแนวแกนขั้วแม่เหล็กจากจุดต่างๆได้มากพอก็จะเห็นแนวๆหนึ่ง ที่เป็นแกนหลักของแนวเล็กๆในสนามแม่เหล็กบริเวณนั้นเสมอ (ในหนึ่งตารางเมตรต้องทำแนวขั้วแม่เหล็กหรือแนวเข็มทิศอย่างน้อยหกสิบจุดในอัตราเฉลี่ยต่อพื้นที่ ที่ใกล้เคียงหรือก็คือแบ่งพื้นที่นั้นออกให้ได้อย่างน้อยหกสิบส่วนนั่นเอง) แนวแกนที่ว่าจะเป็นจุดยึดตรึงเวลาหรือสนามแม่เหล็กไฟฟ้าในบริเวณนั้น ซึ่งหากเราพบว่าวันใดแนวแกนที่ว่านั้นมีการเบี่ยงเบนเกินกว่าหนึ่งองศาครึ่ง ก็จะแสดงว่าสนามแม่เหล็กในโลกอาจมีการกระทบจากคลื่นพลังงานบางอย่าง และมีการบิดตัวเนื่องจากเกิดการประทุใต้โลกซึ่งนั่นก็คือการบอกเหตุของแผ่นดินไหวนั่นเอง) ความรู้นี้เท่าที่ลุงกุสค้นและคว้ามานั้นคงยังไม่อาจยืนยันตามหลักวิทยาศาสตร์ได้สักเท่า เพราะถามใครก็มักได้ความแบบไม่จบเรื่องซักกะที ที่ลุงกุส(เจ้าเก่า)ยกมาเล่าก็เพื่อให้ลองทดสอบและสร้างความเข้าใจตลอดจน พิสูจน์เรื่องสนามพลังงานในชั้นต่างๆที่อยู่รอบๆตัวเราโดยจะเข้าใจได้ในระดับที่สูงขึ้นได้เองว่า “ศรีจักรา” นั้นทำงานอย่างไร?


      เรื่องสนามแม่เหล็กที่อีตาปาปิลุสนำมาขยายความในคอลัมน์ศาสตร์ปาฏิหาริย์ข้างๆ ลุงกุสนี้ในสมัยก่อนที่ยังไม่พบแม่เหล็กและวิธีใช้ซึ่งจากประวัติที่มีพบว่า จีนพบก่อนชาติแรกไม่เห็นจะไปเกี่ยวกับชาวภารตะที่เป็นต้นเรื่องศรีจักราตรงไหน หากเราคิดคงแค่นี้ก็คงไม่มีเรื่องมาฝอยต่อแต่ลุงกุสนั้นอยู่ไม่สุขค้นไปค้นมาจนพบว่า ชาวอินเดียหรือภารตะโบราณนั้นยังรับอารยะธรรมจากแอตแลนติส และอาณาจักรไมโนอันที่รุ่งเรืองวิทยาการแบบวิทยาศาสตร์และฮอทสุดๆผ่านมาทางชาวกรีก ที่ไปมาหาสู่กันและขอเฉลยต่อเลยว่าที่เรียกว่า “ชมพูทวีป” ที่หมายเอาว่ามีสัญฐานเหมือนต้นหว้านั้นไม่ผิดหรอกเพราะเมื่อหลายหมื่นปี (อาจถึงแสนปี)ก่อนนั้น “อินเดียเป็นเกาะขนาดใหญ่” ที่เพิ่งเคลื่อนตัวมาบรรจบกับทวีปเอเชียเมื่อไม่นานมานี้เอง(แต่ก็คงหลายหมื่นปีแหละ) ใครอยากพิสูจน์ความรู้นี้ให้ไปที่ “กรมทรัพยากรธรณี” ที่เป็นหน่วยงานราชการอยู่ที่กรุงเทพฯแถวถนนพระราม ๖ ตรงข้ามโรงพยาบาลรามาธิบดี จุดแสดงพิพิธภัณฑ์หินแร่เขาจัดแสดงการเลื่อนตัวของแผ่นดินในยุคเวลาต่างๆเอาไว้ให้ดูอยากพิสูจน์ก็ไปดูเอาเอง (ไม่เสียค่าเข้าชม)เดี๋ยวจะหาว่าลุงกุส(เจ้าเก่า)ไม่บอก

     ที่นี้แกนที่เป็นศูนย์กลางพลังงานต่างๆบนโลกที่เหล่าดาวเคราะห์ใหญ่น้อย และดาวฤกษ์ร่วมกระทำที่ชาวภารตะเรียกว่า “เทพนพพระเคราะห์” นั้นละจะมีจุดศูนย์กลางแรงลัพธ์อยู่บนพื้นที่ต่างๆกระจายอยู่ทั่วโลก ที่เห็นๆก็ ปิรามิดในประเทศ อิยิปต์ไง ส่วนในภารตะหรือ อินตะระเดีย(อินเดีย)นั้น เขาค้นพบเขาลูกหนึ่งมีสีขาวอยู่บนเทือกเขาหิมาลัยปัจจุบันจุดนี้อยู่แถบเนปาลตรงรอยต่อกับทิเบต มีพลังงานในระดับเข้มข้นมากและภูเขาลูกนี้ดูแปลกคือสีของภูเขานั้นออกขาวโพลน ทั้งที่พื้นดินด้านล่างๆลงมามีสีดำตามปกติก็เลยเรียกตามลักษณะว่า ไกรลาส ซึ่งแปลว่า เขาเผือก (ขาว)นั่นเอง อันว่าเขาไกรลาสนี้เองและที่เหล่าโยคีนักบวชต่างนับถือว่าศักดิ์สิทธิ์นักหนา เลยจัดคอนโดเอ้ย!!!! วิมานสถิตให้มหาเทพองค์สำคัญคือ สดาศิวะ ท่านประทับอยู่ ในแต่ละปีจะมีโยคีผู้นับถือ สดาศิวะอย่างจริงจังจำนวนมากเสี่ยงตายต่อสู้กับความหนาวเหน็บจาริกเดินทางด้วยเท้าเปล่าไปประทักษิณ (การแสดงการเคารพด้วยการเดินรอบสิ่งนั้นในทิศทางตามเข็มนาฬิกา)รอบเขาลูกนี้แล้วกล่าวปัญจมหามนต์ที่ว่า “โอมนมัสศิวา” ว่ากันว่ากว่าจะครบรอบหนึ่งต้องว่ามนต์ห้าพยางค์นี้เป็นพันๆหมื่นๆครั้ง และกลับมาด้วยของที่ระลึกนับถือแทนองค์สดาศิวะเป็นเพียงหินสีดำก้อนเล็กๆก้อนเดียว เรียกว่า “ศรีไกรลาสศิลา” ซึ่งนับถือว่าศักดิ์สิทธิ์มาก

     โดยที่หลักไกรลาสหรือเสาหลักกาลเวลานี้ จะเป็นเหมือนหลักการที่ใช้ในการเปิดมิติเร้นลับของจักรวาลได้ในทุกสิ่ง พบว่าวิชาพราหมณ์บางแขนงก็ยังมีการกล่าวถึงกระดูกสันหลังเป็นเสา พระสุเมรุหรือแกนไกรลาส และบางทีก็ยังพบว่า เรียกกลุ่มประสาทบางกลุ่มในสมองที่มีรูปทรงเหมือนปิรามิด(Pyramidal) ว่าไกรลาส

มหายันต์ศรีจักรา ตอนที่ 3

มหายันต์ปาฏิหาริย์แห่งโลก มนุษย์ เทพ และ จักวาล (บทสรุป)     (ศรีจักราบทสรุปต่อจากฉบับที่แล้ว) ........... การใช้ศรีจักราเพื่อสร้างความสมดุลในสถานที่
เพียงนำศรีจักราเล็กแบบติดตัวหรือจะเป็นแบบเฉพาะที่ใช้ตั้งก็ได้ซึ่งประการหลัง จะส่งผลที่ชัดเจนกว่าแต่ไม่จำเป็นเท่าจิตของเราที่สามารถต่อจิตถึงศรีจักราในมิติทิพย์ได้มากเพียงใด โดยนำศรีจักรามาตั้งในบริเวณที่คิดว่าเป็นย่านกลางของพื้นที่ อันนี้เป็นวิธีที่ง่ายที่สุดแล้ววาง ศรีจักราให้สมมาตรกับแนวทิศเหนือใต้ออกตกโดยใช้แนวสุริยะวิถีเป็นแนวเทียบเคียงในกรณีนี้ บางคณะก็ดัดเเปลงอย่างแบบปิรามิดโดยใช้แนวเเกนสนามเเม่เหล็กของพื้นที่นั้นแต่ยากตรงที่ต้อง ใช้เเม่เหล็กหาแนวต่างๆในห้องซึ่งอาจไม่ใช่เเนวเดียวกันเนื่องจากในห้องนั้นอาจมีคานเหล็ก หรือคอนกรีตเสริมเหล็กที่ทำให้สนามแม่เหล็กภายในสถานที่นั้นเกิดการเบี่ยงเบนจากสนามแม่เหล็กโลก ก็อย่างที่ซินแซฮวงจุ้ยของจีนใช้หล่อแก(เข็มทิศฮวงจุ้ย) หาจุดมงคลของสถานที่ในห้องนั้นนั่นเเหละ อันนี้ แล้วแต่จะเลือกผลแตกต่างกันบ้างแต่ไม่ถือเป็นสาระสำคัญ แก่นเเท้คือที่ต้องใช้จิตมนุษย์เป็นตัวเหนี่ยวนำพลังงานผ่านสื่อคือศรีจักรายันตรา มีข้อห้ามอยู่อย่างคือเมื่อวางเเล้วห้ามถูกต้องสัมผัสอีกเสมือนเรา กำหนดจุดนั้นเป็นแกนพลังงานพื้นที่ถ้ามีใครไปถูกต้องเคลื่อนย้ายก็เป็นอันว่าอาจแปรปรวนต้องตั้งใหม่ ความเข้มข้นของพลังนั้นอย่างที่บอกก็คือจะกระจายออกจากมุมต่างๆของศรีจักราเเบบอิออนพลังจิตที่ ปรับเปลี่ยนออร่าในสถานที่นั้นให้เป็นไปตามประสงค์ที่ต้องต่อจิตคือกำหนดถึงศรีจักราเขาบ่อยครั้งเท่าไร ก็เท่ากับเปิดประตูให้ทิพยะอำนาจลงสู่สถานที่ซึ่งจะเปลี่ยนบรรยากาศในสถานที่นั้นให้มีพลังมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งจะเกื้อกูลต่อการสมาคมกับเทวะอำนาจที่มีภาวะละเอียด ส่วนจะสื่อกับเทวะในทิพยรูปได้หรือไม่ได้นั้น ขึ้นกับอายตนะของแต่ละบุคคลที่จะเปิดรับการสิ่อนั้นๆได้เเค่ไหนโดยพื้นที่บริเวณนั้นนับว่ามี ส่วนสำคัญหากพลังงานเข้มข้นสูงก็สื่อได้ง่ายอย่างบริเวณที่เรียกว่า "ลับแล" หรือ "บังบด" นั่นไงที่มีคนพบเรื่องราวนอกเหตุผลต่างๆก็เนื่องจากบริเวณนั้นอาจมี อะไรสักอย่างที่ทำให้มีพลังงานในพื้นที่สูง(อาจดำหรือขาวก็ได้) ก็จะเกิดอำนาจลี้ลับในพื้นที่นั้นอย่างกับที่เกจิสยามนิยมทำเครื่องรางที่บูชาเพื่อสร้างภาวะที่ต้องการ อย่างยันต์โชคลาภ ค้าขายแต่ไม่ได้โม้นะว่าศรีจักรานี่เหนือกว่า ซึ่งศรีจักรานี้นับว่ามีลูกเล่นลูกชนที่ครบด้านและเป็นไปแบบอัตโนมัติ คือหากกระเเสพลังรอบนอกแปรเปลี่ยนศรีจักรานี่จะปรับให้เสร็จศัพท์พลังงานจึงไม่ลดทอน

     การใช้ศรีจักราเพื่อเสริมพลังกับแท่นที่บูชา ก็เพียงแต่วางศรีจักรา ในทิศทางที่หันสามเหลี่ยมด้านบนสุดมาทางตัวเราก็จะสร้างอำนาจในเเท่นบูชา ขึ้นอย่างมากท่านที่เห็นออร่าจะสามารถสังเกตุได้ถ้าวางศรีจักราในบริเวณหิ้งพระ (เทพ) ประมาณหนึ่งสัปดาห์ลองดูออร่าที่หิ้งอีกทีจะเห็นเปลี่ยนแปลงไปมากเพราะบริเวณนั้นจะสื่อกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้ดีขึ้นนั่นเอง (ถ้าเราบูชาพระพุทธจะเห็นออร่าสีฟ้าชัด ถ้าเป็นเทพชั้นสูงสีทอง ถ้ารองลงมาก็เป็นภาวะตามรัศมีกายเทพองค์นั้นๆ)

     การใช้ศรีจักราติดตัว ก็เพียงแขวนให้อยู่ระดับจักระที่สี่คือระดับหัวใจคือ สูงจากกระบังลมประมาณ ๒-๓ นิ้ว (sternum)แต่ถ้าจะใช้ขยายจักระบริเวณใด ให้วางบนจักระนั้นอย่างต้องการขยายจักระ ที่หกเพื่อเพิ่มสมรรถนะตาที่สาม คือความหยั่งรู้หรือปัญญาญาณที่ไม่ใช่เรื่องตาทิพย์เพียงอย่างเดียว ก็นอนหงายทำตัวสบายๆวางจิตใจให้สบายผ่อนคลายหายใจลึกๆสัก๑๐ครั้งวางศรีจักราขนาดติดตัว (อย่าใช้ขนาดตั้งโต๊ะวางนะจะเพราะเดี๋ยวหัวจะยุบมันหนักมาก) ให้จุดพินทุอยู่เหนือระหว่างกลางคิ้วประมาณ ๑-๒ เซนติเมตร หลับตานอก(ปิดเปลือกตา) แล้วเหลือกตาในคือลูกตาเพ่งมองตรงจุดพินทุที่คะเนตามความรู้สึกว่าศรีจักราอยู่ จินตภาพให้เห็นจุดเเสงสีฟ้าอมม่วงลักษณะสว่างใสเป็นประกาย แล้วกล่าวมนตราอะไรก็ได้ที่คุณนับถือถ้ามีบทเฉพาะศรีจักราว่า "โอม ฮะรี ชะรีง นะมะฮา" ว่ายาวๆหายใจลึก ไปเรื่อยๆจะรู้สึกเหมือนเสียวตรงหน้าผาก หรือตึงตรงหน้าผากรักษาอาการนั้นไว้ ทำครั้งละไม่เกิน ๑๐ นาที ห้ามเกินเด็ดขาดเพราะอาจจะปวดศรีษะเนื่องจากจักระขยายเร็วเกินไป ให้หมั่นทำอย่างน้อยวันละ ๑ ครั้งห้ามเกินวันละ๓ครั้ง ลองฝึกดูผลเป็นอย่างไรยังไม่บอก ของจริงจะรู้ด้วยตัวเองผู้ได้ประสบการณ์อะไรแปลกๆเขียนจดหมายมาจะตอบรายบุคคล

    การใช้ศรีจักราในการบำบัดอาการป่วยบางระดับ ที่อาจเป็นการผิดปกติจากความไม่สมดุลของร่างกายที่มีสาเหตุจากร่างกายเองหรือได้รับพลังแฝง วางศรีจักราบนฝ่ามือพินทุอยู่ตรงเส้นสุขภาพของลายมือคะเนกลางฝ่ามือ ให้กำหนดถึงศรีจักรา กล่าวมนตราจนรูสึกถึงพลังที่แผ่มาครอบคลุมจากนั้นนึกถึงเทวะที่ท่านศรัทธากล่าวบูชา(สรรเสริญคุณ) แล้วขออำนาจให้บำบัดอาการดังกล่าว หายใจเข้าออกยาวๆแบบสบายๆ ทำประมาณสิบห้านาทีกำหนดจิต ที่ศรีจักราดึงความศักดิ์สิทธิ์เข้าตัวกล่าวมนตราความเร็วระดับที่รู้สึกว่ากำลังสบายไม่เร็วช้าไป (ใช้ความรู้สึกเราเป็นตัวกำหนด) หากเจ็บปวดที่ไหนให้กำหนดนำ สิทธิอำนาจความศักดิ์สิทธิ์นั้นไปละลายจุดนั้นจินตภาพให้ความป่วยไข้ให้หายไปหายใจออกยาวๆ (ทำเสร็จแล้วควรอาบน้ำชำระไอโรคทันที)

      สำหรับการบำบัดอาการเจ็บป่วยให้ผู้อื่นทำลักษณะเดียวกับทำให้ตัวเราเองโดย ขอให้ศรีจักราคุ้มครองเราก่อนจินตภาพกำหนดรัศมีครอบคลุม จากนั้นขอพลังจากศรีจักรา(วางที่มือซ้าย) ให้ผ่านตัวเรา ออกทางมือขวา ห่างจากที่บำบัดประมาณ ๑ นิ้วหรือจะวางสัมผัสเบาๆก็ได้กำหนดพลัง ให้เล็กเเหลมเป็นเส้นปลายเข็มสีขาว (ขั้นต้น) ส่วนระดับกลางระดับสูงต้องแนะนำเฉพาะ กำหนดพลังให้พุ่งไปที่จุดที่ต้องการบำบัดละลายความเจ็บป่วยนั้นถ้าเป็นพลังแฝงพวกวิญญาณร้าย หรืออำนาจลี้ลับจะรู้สึกถึงการต่อต้านเช่นร้อนผ่าว เต้นตุ๊บตุ๊บ หรือ เหมือนเข็มเเทงสวนเจ็บจึกจึก ให้หายใจออกยาวๆ ช้าเร่งภาวนามนตราจะละลายพลังนั้น โดยไม่ยากเคล็ดคือคิดว่ากำลังที่ส่งไปนั้นเเข็งเหมือนหัวเพชร สามารถบดสลายพลังเหล่านั้นได้ทุกพลัง ระหว่างทำต้องต่อจิตกับศรีจักราตลอด(ควรชำนาญในขั้นอื่นๆมาก่อน) การบำบัดพลังแฝงควรขอพลังอำนาจจากเทพที่ชำนาญการปราบอำนาจชั่วร้ายอย่าง นารายณ์ ศิวะ ท้าวเวสสุวัณ พระขันธกุมาร เจ้าแม่กาลี เป็นต้น หลังการบำบัดทุกครั้งไม่ว่าตัวเองหรือทำให้ผู้อื่นต้องกล่าวขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ให้พลังอำนาจทุกครั้ง จากนั้นให้อาบน้ำเพื่อชำระไอโรค(อาจเตรียมน้ำโดยใช้อำนาจศรีจักราก็ยิ่งดี โบราณบ้านเราเรียกปรับธา
ตุ

เครื่องราง ลาปิส ลาซูลี่

แหวนลาปิส ลาซูลี่
     เป็นแหวนที่สร้างตามศาสตร์มายิกโบราณของชาวไอยคุปต์ที่นับถือพลังสูงสุดในจักรวาล คือพระอาทิตย์แห่งจิตวิญญาณหรือที่เรียกว่า "รา" รูปธรรมพลังจิตที่มีอำนาจสูงสุดต่อการพัฒนามนุษย์ สู่พลังอำนาจที่ยิ่งใหญ่ในตัวตนของตนเอง เป็นการเหนี่ยวนำพลังงานทางธรรมชาติเข้าสู่กายมนุษย์ที่สามารถพัฒนาสมรรถนะในด้านต่างๆ อย่างเป็นรูปธรรมโดยไม่กระทบกระเทือนต่อระบบพลังงานทางกรรมที่เป็นฐานการสร้างปรากฏการณ์ชีวิต ที่เรียกว่า "ชะตาชีวิต" อีกทั้งเป็นการพัฒนาพลังงานทางชีวะ ที่เป็นฐานสำคัญประการหนึ่งของ "จิตวิญญาณ" ที่กำลังก้าวสู่การเรียนรู้ต่อการเป็น "อภิจิต" โดยเติมให้เต็มในส่วนที่ขาด และสร้างสมรรถนะฟื้นฟูพลานุภาพทางจิตที่เคยมีแต่เราละเลย

          หลักการ
   ใช้การทำสมาธิแบบลืมตาที่เป็นการรักษาสมรรถนะพลังงานทางจิตวิญญาณที่เรียกว่า สำนึกทางจิต โดยเราอาจรู้จักในคำที่ว่า "สติ-สัมปัชชัญญะ" โดยกำหนดจุดคิดคำนึง(ไม่ใช่การเพ่งอย่างเคร่งเครียดแต่เป็นการนึกถึงเท่านั้น) ที่บริเวณหว่างคิ้วหรือตาที่สาม (จักระที่6) ในสภาวะจิตที่ตื่นคือไม่พยายามบังคับหรือกระทำในลักษณะ สะกดจิตตนเอง แต่ใช้การคำนึงถึงสภาวะอารมณ์ที่ปล่อยวางผ่อนคลายสร้างอิสระในจิตของตนเองอย่างเต็มที่ แล้วกำหนดตัวเราให้เป็นสภาวะเดียวกับจักรวาลหรือธรรมชาติ โดยพยายามรักษาสภาพจิตใจที่เป็นกุศลปล่อยวางในทุกขณะที่สามารถทำได้ประกอบการคำนึงถึงจุดตาที่สาม เพียงเท่านี้พลังอำนาจที่เเท้จริงของจิตวิญญาณก็จะค่อยพัฒนาสู่ความสมดุลพลังอำนาจที่เรียกว่า "พลังแห่งมหภาคหรือจักรวาล" ก็จะหลั่งไหลเข้าสู่ตัวเรา (Sar;โลหิตเเห่งเทพ) ทำให้เรามีอำนาจจิตอำนาจรูปธรรมทางกายที่มั่นคงเสถียรขึ้น จะสังเกตได้จากการมีจิตใจที่เยือกเย็นมั่นคงไม่หวั่นไหว สงบ อันเป็นลักษณะที่แท้จริงของพลังธรรมชาติ จากนั้นเราจะเป็นผู้ที่อยู่เหนือสรรพสิ่ง คือปรากฏการณ์หรือเหตุการณ์ชีวิตต่างๆจะเริ่มปรับสมดุลสู่จิตปรารถนา เป็นการสร้างภาวะสมดุลทางอารมณ์สู่พลังอำนาจทางกายที่ไร้ขีดจำกัด อย่าง "คิดในสิ่งที่เป็นจริงและเป็นจริงในสิ่งที่คิด"

ดวงเนตรแห่งรา สัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์แห่งการคุ้มครอง และการยกจิต เข้าถึงปัญญาญาณ

  วัสดุการจัดสร้าง
   เรือนเเหวนขึ้นด้วยเงินแท้อัตรามาตราฐานงานจิวเวลลี่ ที่ 92.5% โดยผสมทองแดงบริสุทธิ์ซึ่งถือเป็นธาตุสำคัญที่ชาวไอยคุปต์เชื่อถือว่า สามารถสื่อกับจิตภายในได้ในวิชาเล่นแร่แปรธาตุของชาวสยามก็เรียกทองแดงว่า "บริสุทธิ์" และโลหะบางชนิดที่ทำให้เกิดการเสริมสร้างพลังงานระหว่างทองเเดงกับเงิน ด้านข้างเรือนเเหวน ตอกสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์ "ดวงเนตรแห่งรา"และดาวแห่งการหยั่งรู้ "ซิริอุส" เพื่อเปิดผลึกแห่งจิตให้เข้าสู่ภาวะพลังงานสากล ด้านล่างท้องแหวน เป็นสัญลักษณ์รูปผลึก "เมอร์คาบา" ดาวหกเหลี่ยมที่นับเป็นฐานการกล่าวสู่อำนาจที่เรียกว่า "จิตวิญญาณสากล" คือการเข้าถึงตัวตนที่แท้ของเราโดยให้พลังงานของ "หินแห่งรา" (Lapis-Lazuli) แผ่พลังงานลงสู่ตัวเราด้วยการฉายเงาแห่งสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์นี้สู่ร่างกายมนุษย์ (นิ้วที่สวมแหวน)

   หัวแหวนใช้ "ลาปิส ลาซูลี่" (Lapis-Lazuli) คือหินธรรมชาติ ที่ช่วยให้ร่างกายมีพลังอันเข้มแข็งเป็นรูปธรรมในช่วงที่จิตวิญญาณถูกปลุกให้ตื่นขึ้น เป็นหินที่ช่วยเปิดจิตใจออกรับพระผู้เป็นเจ้าปกป้องคุ้มครองให้พ้นจากอันตรายทางด้านไสยศาสตร์ การคุกคามจากอำนาจเร้นลับจิตวิญญาณ และความรู้สึกหดหู่ หมดกำลังใจ เศร้าหมอง ขณะเดียวกันก็ยังสร้างเสริมทางด้านสติปัญญา กระตุ้นพลังทิพย์ที่อยู่ภายในให้สามารถมองเห็นทุกสิ่งได้ชัดเจนขึ้น

     ลาปิส ลาซูลี่ เป็นหินแห่งสัจธรรม คุณงามความดีอันสมบูรณ์แบบเป็นหินแห่งเทพเจ้าในเนื้อหินสีน้ำเงินเข้มนั้น จะมีละอองทองประสมอยู่(ถือเป็นลักษณะสำคัญในการเลือกใช้หินชนิดนี้นอกจากสี) มันเป็นหินธรรมชาติที่พระราชวงศ์ไอยคุปต์โบราณนิยมใช้อย่างยิ่ง ซึ่งจะพบได้ในประวัติศาสตร์แห่งอียิปต์และยิวสมัยโบราณ และลาปิส ลาซูลี่ ยังเป็นประหนึ่ง "ไพลิน" บนเสื้อคลุมของนักบวชชั้นสูงในสมัยโบราณอีกด้วย ทั้งยังถูกบดเป็นผงเพื่อนำมาทำเป็นเครื่องสำอางตกแต่งดวงตาให้สวยงาม เป็นหินธรรมชาติที่นักพลังจิตระดับโลกต้องมีไว้เพื่อพัฒนาพลานุภาพทางจิตของตนเอง ในสหรัฐอเมริกา ใช้ประกอบการรักษาทางพลังจิตสมัยใหม่ที่เรียกว่า Healing

     เลือกแบบการเจียรนัยรูปหลังเบี้ยหรือโดมอันมีความหมาย ในทางศาสตร์มายิกโบราณถึงท้องฟ้า อันเป็นสัญลักษณ์ของครรภ์แห่งจักรวาลคือ พลังงานแห่งการก่อกำเนิดเเละสร้างสรรค์ เป็นเสมือน เลนซ์ที่รวมพลังงานจักรวาลจากภายนอกเข้าสู่ตัวเรา หัวแหวนเลือกใช้ Lapis-Lazuli เนื้อสีคราม(น้ำเงินเข้ม) เพื่อพลังอำนาจในการเข้าถึงจิตวิญญาณที่สูงสุด (สีคราม ระดับพลังงานแห่งจักระที่6) ทุกชิ้นผ่านการโปรแกรมโดยการแช่ในน้ำมันที่คั้นจากธัญญพืชบริสุทธิ์ ดอกไม้ และอัญมณีทางพลังจิตอีกนับสิบชนิดโดยโปรแกรมกับ พิรามิด สร้างสมดุลเพื่อเสริมสร้างพลังงานของ "หินแห่งรา" ให้ทรงอานุภาพที่สูงสุด (วิธีโปรแกรมพลังจิตเข้าสู่อัญมณีพบครั้งแรกในอารยธรรมไอยคุปต์)